วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 12, 2560

สิ้นคิดเลยเสียของ





“สิ้นคิดเลยเสียของ”

ปัจจัยการดำรงอยู่ของเผด็จการคือความกลัวของประชาชน เผด็จการทุกยุคจึงใช้ความกลัวของประชาชนเป็นเงื่อนไขการเข้าหรืออยู่ในอำนาจ เช่น เผด็จการยุคสฤษดิ์และถนอม สร้างความกลัวจากผีคอมมิวนิสต์ ยุคสุนทรและสุจินดา อ้างการคอร์รัปชั่นด้วยวลีบุฟเฟต์คาบิเน็ต ยุคสนธิสร้างผีทักษิณ คอร์รัปชั่นและการล่วงเกินสถาบัน จนมาถึงยุคปัจจุบันสร้างค่านิยมคนดีมาปราบโกงและทำให้บ้านเมืองสงบ

ดังนั้น คำถามที่หลายคนเรียกว่า “คำถามปัญญาอ่อนหรือคำถามสิ้นคิด” ที่ถูกตั้งขึ้นมาในขณะที่ความนิยมของรัฐบาลและตัวพลเอกประยุทธ์ตกต่ำ จึงเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ แต่เป็นยุทธวิธีโฆษณาชวนเชื่อ (IO : Information Operation) โดยใช้จุดอ่อนที่ประชาชนกลัวคือความวุ่นวายในบ้านเมืองเพื่อหวังผลการสืบทอดอำนาจเผด็จการต่อไป เชื่อมโยงประชาธิปไตยและการเลือกตั้งเข้ากับความขัดแย้งและความรุนแรง ตั้งใจลดทอนความน่าเชื่อถือของตัวแทนประชาชนและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สร้างภาพว่ารัฐบาล คสช. ทำให้ประเทศสงบและมีธรรมาภิบาล

ความเห็นต่างและการขัดแย้งทางความคิดถือเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย โดยทุกเสียงจะถูกรับฟังเพื่อนำไปสู่การสานประโยชน์ ส่วนความรุนแรงก็มีกลไกปกติที่จัดการได้ถ้าทุกคนโดยเฉพาะกองทัพซื่อตรงต่อหน้าที่ ที่ผ่านมาความรุนแรงเกิดจากการสมคบกันสร้างขึ้นเพื่อการยึดอำนาจจนทำให้ประเทศขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามครรลอง ผลงานที่ผ่านมาของ คสช. พิสูจน์แล้วว่าล้มเหลวแทบทุกด้าน เศรษฐกิจตกต่ำ สร้างความสงบด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน ใช้งบประมาณที่ไม่เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ มีการทุจริตและผลประโยชน์ทับซ้อนแต่สื่อและประชาชนถูกคุกคามจนไม่สามารถตรวจสอบได้ พลเอกประยุทธ์ไม่เคยเคารพสิทธิของประชาชน ฉวยโอกาสสร้างความกลัวกลบเกลื่อนความล้มเหลวของ คสช. เพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการที่ไม่มีความชอบธรรมมาตั้งแต่แรก คำถามสิ้นคิดจึงเสียของ ทางออกเดียวที่ควรทำคือรีบคืนอำนาจแล้วขอโทษประชาชน เผื่อจะเมตตาให้อภัย

วัฒนา เมืองสุข
สมาชิกพรรคเพื่อไทย
11 พฤศจิกายน 2560




Watana Muangsook