วันพุธ, พฤศจิกายน 08, 2560

พรรคทหาร 'ทรงกลด' จะไม่สามารถแย่งอีสานไปจากเพื่อไทยได้

จะปฏิเสธอย่างไร “ไม่รู้จัก ไม่เคยใกล้ชิด” กับพลตรีทรงกลด ทิพย์รัตน์ ผู้จัดตั้งพรรคทหารในนามพรรค พลังชาติไทยแต่ คสช. ก็มีสายใยอยู่กับนายทหารจากสำนักปลัดกลาโหมคนนี้อยู่ไม่น้อย

นับแต่ คสช.ยึดอำนาจมา พลตรีทรงกลดได้รับมอบหมายให้เข้าไปเตรียมงานด้านปฏิรูปใน “คณะทำงานเตรียมการปฏิรูปเพื่อคืนความสุขให้คนในชาติ” ภายใต้กำกับของ กอ.รมน. โดยมีสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมรับผิดชอบดำเนินการ

มาวันนี้เมื่อใกล้เวลา คสช. ปรับบทบาทจากเผด็จการเบ็ดเสร็จไปสู่การเป็นผู้ปกครองที่ยอมให้มีการเลือกตั้งได้ พลตรีทรงกลดก็เลยตั้งพรรคการเมืองขึ้นมารองรับ แม้จะอยู่ในช่วง คสช. ยังไม่ยอมปลดล็อคพรรคการเมือง ก็ดำเนินการแบบ ตาใสอำพรางในนาม จิตอาสาไปก่อน เอาภรรยาเข้ามามีส่วนร่วมในบทบาทนำ ให้ดูสมน้ำสมเนื้อเหมือนจิตอาสาของจริง


มีการเปิดศูนย์ประสานงานแล้วหลายแห่ง ตามเป้าหมายให้ผันตัวเป็นสาขาพรรคทั่วประเทศครบทุกภาคต่อไป โดยเฉพาะในภาคอีสาน พรรคทหารทรงกลดหวังว่าจะมีช่องว่างให้เบียดแทรกได้เมื่อการเลือกตั้งมาถึง ในภาวะที่ไม่มีนายใหญ่พรรคเพื่อไทย ไม่มีอดีตนายกฯ หญิงยิ่งลักษณ์ ขวัญใจชาวบ้าน แถมว่าที่หัวหน้าหญิงคนใหม่ก็เปิดตัวแรงไป เลยหกคะเมนเท้งเต้เสียก่อน

หนำซ้ำผู้ที่น่าจะสืบช่วงเป็นทายาททางการเมืองของตระกูลชินวัตรรุ่นต่อไป ให้มีอันโดนดีเอสไอรื้อคดีฟอกเงินเอากลับมาเล่นงาน กรณีเช็คสิบล้านจากกฤษดานครที่คืนกันไปแล้วก่อนเกิดคดีเงินกู้กรุงไทย ๗ พันล้าน คตส. ก็เคลียร์ไปแล้ว แต่ดีเอสไอยุค คสช. ต้องการเอามาฟัดใหม่ว่าเป็นค่าวิ่งเต้น

ซึ่งทนายนิทัศน์ ฟันธงไว้ว่านั่นละคือสาเหตุให้ โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร จะไม่รอดแน่ อาจต้องหนีหลีกทาง คสช. เหมือนพ่อและอา อย่างน้อยๆ ต่อนี้ไปขยับอะไรไม่ได้เลย

  
ไม่ว่าพรรคทหารจะมี ส.ส.ต่ำสิบ หรือว่าพลิกล็อคได้ ส.ส.มากพอร่วมเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลเอง ก็ย่อมเป็นช่องทางของ คสช. เข้าแทรกซ้อนในกลไกการเมืองโดยตรงต่อไป จนครบกำหนดยุทธศาสตร์ชาติที่กำลังให้ลิ่วล้อจัดร่างกันอยู่

แม้นว่า ธนาพล อิ๋วสกุล จะ “ฟันธงแบบไม่กลัวหน้าแตก” ไว้ข้อหนึ่งว่าหลังเลือกตั้งที่จะมา (ไม่ว่าปีหน้าปีโน้น) “ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป นี่คือเหตุผลที่คณะรัฐประหารจะยื้อการเลือกตั้งออกไปเรื่อยๆ” ก็ตาม

แต่ว่าอีกสองข้อที่เขาทำนาย พูดถึงสองพรรคใหญ่จะได้คะแนนรวมกันมากกว่า ๗๐ เปอร์เซ็นต์ หรือ ๓๕๐ เสียงในสภาผู้แทนฯ และประชาธิปัตย์เสียพื้นที่ในภาคใต้

จากตรงนั้นย่อมหมายถึงพรรคเพื่อไทยจะยังคงมาวินเช่นเดิม ทิ้งห่างหรือไม่ห่างต้องลุ้นกัน อันนี้คาดคะเนโดยนำเอาการวิเคราะห์ของ อจ.สมชัย ภัทรธานันท์ แห่งคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มาปรับใช้

รศ.ดร.สมชัย บอกว่า “การจัดเลือกตั้งรอบนี้คือการชงเองกินเอง เป็นการออกแบบการปกครองทางการเมืองให้ดูเหมือนเป็นประชาธิปไตย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่”

ถึงกระนั้นชาวบ้านก็ยังต้องการกลับมามีส่วนร่วมทางการเมือง การเลือกตั้งเป็นสิ่งที่เขารอกันอยู่อย่างมีน้ำอดน้ำทนมาสามปีกว่า รอสิ่งดีๆ ที่เคยได้รับ “โดยเฉพาะช่วงปี ๒๕๔๔ ที่ทักษิณเข้ามา แล้วทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นอย่างชัดเจน”

เพจ ๑๐๑ สัมภาษณ์นักวิชาการท่านนี้เอาไว้ดีมาก ในเรื่อง อ่านการเมืองภาคอีสานตั้งแต่ยุคทักษิณมาถึง คสช. อ่านแล้วคงพอฟันธงแบบหน้าแตกไม่เป็นไรได้ว่า พรรคทหารจะไม่สามารถแย่งอีสานไปจากเพื่อไทยได้

เว้นแต่ว่า “พรรคเพื่อไทยหันไปจับมือกับทหาร...ถ้าเกิดสถานการณ์แบบนั้น อาจนำไปสู่พรรคทางเลือกใหม่ เหมือนที่เคยเกิดในยุโรปตะวันตก”


อจ.สมชัยยังให้ข้อคิดในกรณีที่พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนไปว่า “พรรคใดพรรคหนึ่งที่ชูแนวคิดประชาธิปไตย แก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิกแผนยุทธศาสตร์ ผมคิดว่าจะเป็นตัวดึงคะแนนนิยมอย่างมาก” เพราะอะไร

เพราะ “ผมคิดว่าชาวบ้านเป็นพวกปฏิบัตินิยม หมายความว่าถ้ามีสิ่งไหนที่ดีกว่า เขาก็เลือกสิ่งนั้น อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าชาวบ้านไม่ได้ยึดติดกับคนใดคนหนึ่ง เพียงแต่ว่าคุณมีอะไรดี ก็เสนอมาสิ”

ข้อสำคัญสิ่งดีๆ ที่ คสช.พยายามลบล้าง “บอกว่านโยบายประชานิยมของทักษิณทำให้ประเทศล่มจม ในความจริงมันยังไม่ทันล่มจม คุณรัฐประหารก่อน

พอมาถึงสมัยยิ่งลักษณ์ ทำเรื่องจำนำข้าว คุณบอกว่าซื้อข้าวแพงจะทำให้ประเทศฉิบหาย แต่มันก็ยังไม่ทันฉิบหาย คุณรัฐประหารก่อน...

ทีนี้ลองคิดง่ายๆ ว่า ความรู้สึกดีที่ชาวบ้านมีต่อทักษิณและพรรคของทักษิณจะหายไปได้อย่างไร ในทางกลับกัน สิ่งที่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนก็คือ การรัฐประหารเป็นตัวการที่ทำให้สิ่งดีๆ ที่เขาเคยได้รับหายไป”

ดร.สมชัยแนะพรรคที่จะเป็นทางเลือกใหม่ว่า ยังไม่ต้องเสนอนโยบายเศรษฐกิจอะไรให้วิลิสมาหราก็ได้ ถ้าสถานการณ์ยังไม่มีทางฟื้น (โดยเฉพาะหลังจาก คสช. ทำ ยำ ไว้สามปีกว่าจนจะเละ)

“บอกประชาชนก่อนเลยว่า นโยบายของเรายังทำไม่ได้ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถ้าอยากให้พรรคดำเนินนโยบายแบบที่พี่น้องชอบ ก็ต้องมาช่วยกันก่อน

ช่วยกันทำให้เกิดประชาธิปไตยในประเทศไทย ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ยกเลิกแผนยุทธศาสตร์ เพื่อให้กลับคืนสู่ภาวะปกติของระบอบประชาธิปไตย แล้วนโยบายเหล่านั้นจึงจะเกิดขึ้นได้”