วันพุธ, ตุลาคม 04, 2560

นโยบาย Smart Army ของ "บิ๊กเจี๊ยบ"





ปูทาง ปรองดอง และ การเลือกตั้ง

"บิ๊กเจี๊ยบ" ประชุม ผบ.หน่วยขึ้นตรง ชุดใหม่ มอบนโยบาย Smart Army ให้ความสำคัญ ถวายความปลอดภัย ถวายพระเกียรติ "ร.10"-รักษาความสงบ ให้เป็นไปตามกรอบ Roadmap เพื่อสร้างบรรยากาศ ความปรองดอง และ การเลือกตั้งทั่วไป/ เตรียมความพร้อม ทุกด้าน และบริหารจัดการอาวุธยุทโธปกรณ์

พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. เป็นประธานการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกชุดใหม่ หลังสับเปลี่ยนตำแหน่ง 1 ตุลาคม 2560 ที่กองบัญชาการกองทัพบก

พลเอกเฉลิมชัย กล่าวถึง นโยบายการทำงานของ ทบ. ในปี 2561 “Smart Man - Smart Army” ใน3 ภารกิจ

ทั้งนี้ ทบ.ให้ความสำคัญและความเร่งด่วนสูงสุดต่อภารกิจ การถวายความปลอดภัย ถวายพระเกียรติ แด่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ รวมทั้งการสนองงานตามพระบรมราโชบาย ในด้านต่างๆ เช่น การสนับสนุนโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ”

นอกจากนี้จะให้การสนับสนุนงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อย่างเต็มขีดความสามารถ เพื่อให้การดำเนินการ เป็นไปตามกรอบ Roadmap เช่น งานการปฏิรูปประเทศ และการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ยุคประเทศไทย 4.0

ส่วน งานการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ เพื่อสร้างบรรยากาศ ความปรองดอง และ การเลือกตั้งทั่วไป ตามกรอบระยะเวลา

และงานการช่วยเหลือประชาชน โดยให้ทุกหน่วยต้องมีความพร้อมทั้งในด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ รวมทั้งการบูรณาการ และประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อสามารถ ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติโดยทันที

สำหรับการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพบก ตามแนวคิด Smart Man นั้น ในระดับบุคคล และขยายผลไปสู่การเป็น Smart Army ในแต่ละระดับหน่วยนั้น จะพัฒนา อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้าน ระบบการศึกษาทางทหาร การฝึกเป็นหน่วยตามวงรอบประจำปี ตั้งแต่ระดับชุดปฏิบัติการ จนถึงระดับกองร้อย การฝึกการปฏิบัติการทางยุทธวิธีของหน่วยระดับกองพันและกรมผสม เพื่อรองรับการป้องกันประเทศ ในระยะยาว

ในเรื่องการพัฒนากองทัพ จะดำเนินการตามแผนพัฒนากองทัพบก และแผนปรับปรุงโครงสร้างกองทัพบก โดยยังคงให้ความเร่งด่วนกับการรักษาระดับความพร้อมรบ ให้กับหน่วยทุกประเภท เพื่อรองรับการปฏิบัติการในระดับแผนเผชิญเหตุ และแผนการปฏิบัติ ในกรอบงานความมั่นคงมิติอื่นๆ

รวมทั้งพิจารณาใช้ประโยชน์จากกำลังพลสำรอง ให้มีความเชื่อถือได้ และนำไปสู่ระบบกำลังพลสำรองอาสาสมัคร และการคัดเลือกกำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหาร เป็นการชั่วคราว เพื่อปรับลดกำลังทหารประจำการ ทั้งนี้ให้จัดทำโครงการนำร่องเพื่อนำกำลังพลสำรองมาบรรจุเข้ารับราชการเป็นการชั่วคราว ให้เป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ ทบ.ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการเสริมสร้างความร่วมมือ ด้านการทหาร กับมิตรประเทศ

โดย ยกระดับบทบาท ความร่วมมือด้านความมั่นคง ทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน

และดำรงความต่อเนื่องและขยายขอบเขตการฝึกร่วม/ผสม กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้กลไกความร่วมมือด้านความมั่นคงและการทหาร แบบทวิภาคี ที่ได้มีการจัดตั้งไว้แล้ว

ส่วนผู้บังคับหน่วยทุกระดับ จะต้องให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการอาวุธยุทโธปกรณ์ ของหน่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเก็บรักษา การนำไปใช้งาน และการปรนนิบัติบำรุง


พลเอกเฉลิมชัย กล่าวว่า การบริหารราชการของกองทัพบก ต้องกระทำด้วยความโปร่งใส ก่อให้เกิดความเชื่อมั่น ศรัทธา ต่อการทำงานของกองทัพบก

รวมทั้ง ส่งเสริมและพัฒนา การให้บริการประชาชน โดยนำ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เข้ามาใช้ ตลอดจนปรับระบบการทำงาน เพื่อให้เป็นไปตามแนวนโยบายและแผนปฏิบัติการ ป้องกัน และปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ ตามที่ รัฐบาลกำหนดไว้

ที่มา FB


Wassana Nanuam