วันพุธ, ตุลาคม 11, 2560

เมื่อ ‘Putschanführer’ ไทยแย้มเลือกตั้งแน่ (ตอนครบสี่ปีครึ่ง) ยูโรก็ขยับอยากขายของให้ไทยอย่างจีนกับมะกันบ้าง

“ผมไม่ต้องการที่จะหน่วงเวลาอะไรไว้ทั้งสิ้น ขอยืนยันตรงนี้” เป็นคำออกจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ‘Putschanführer’ หรือผู้นำคณะรัฐประหาร สรรพนามแทนตัวหัวหน้ารัฐบาลไทยปัจจุบันในสื่อเยอรมนี

พุตซ์อันฟูห์เรอร์ ของไทยคนนี้เพิ่งแจ้งว่าจะประกาศวันเลือกตั้งที่แน่นอนในเดือนมิถุนายนปีหน้า (๒๕๖๑) “วันนี้ก็มีความชัดเจนขึ้น” ดังนั้น “ประมาณเดือน พ.ย. ๒๕๖๑ จะมีการเลือกตั้ง”

ทั่นผู้นัมพ์แจงเส้นทางไปสู่การเลือกตั้งด้วยว่า นี่เป็นไปตามโร้ดแม็พของ คสช.ที่วางไว้ คือ กฎหมายลูกที่จำเป็นอีกสองฉบับจะเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. ในเดือนพฤศจิกายนนี้ และ สนช.จะใช้เวลาพิจารณา ๖๐ วัน

จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาแก้ไขของ สนช. อีก ๒๕ วัน 

ขั้นตอนต่อไปเป็นการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัยอีก ๓ เดือน ซึ่งจะลงล็อคในเดือน มิ.ย. ๖๑ จากนั้นก็จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน ๑๕๐ วัน ก็จะตรงกับเดือน พ.ย. ๖๑

(แม้นว่า กกต. ที่ถูกเซ็ทซีโร่ โละทิ้งในไม่ช้า จะออกมาแย้งว่า ไทม์ไลน์เลือกตั้งเร็วที่สุด สิงหา ๖๑ และยังเป็นไปได้ที่จะช้าที่สุด โน่น มกรา ๖๒ https://news.voicetv.co.th/thailand/531043.html) 


สิริรวมเวลาจากยึดอำนาจถึงเลือกตั้งก็จะได้สี่ปีครึ่งพอดี แถมข้อแม้นิดนึง

“ขอให้ทุกคน นักการเมือง พรรคการเมือง ขอให้อยู่ในความสงบ ซึ่งก็จะมีผลต่อการพิจารณามาตรการในการผ่อนคลายต่าง ๆ ด้วย” ประยุทธ์เตือน


ครั้นเช้าวันนี้ (๑๑ ตุลา) ผบ.ทบ. (ในฐานะเลขาธิการ คสช.) ช่วยย้ำเรื่องปลดล็อคพรรคการเมืองต้องรออีกนิด ตอนนี้ พรบ.พรรคการเมืองผ่านแล้วกำลังเริ่มบังคับใช้ อดทนอีกหน่อยให้เสร็จพระราชพิธีประชุมเพลิงในหลวงฯ องค์พ่อเสียก่อน

เช่นนี้ ด้านเศรษฐกิจก็ต้องรอพ้นพระราชพิธีฯ ท้องสนามหลวงก่อนเช่นกัน แล้วจากนั้นจะปรับตัวกันไปเอง แต่จะปรับไวปรับช้า ขึ้นอยู่กับคนทำนโยบายจะเขียนออกมาอย่างไร ประชารัฐร่วมหัวนายทุนใหญ่เปิดขายเอากำไร “รัฐครึ่ง พ่อค้า (ยักษ์ใหญ่) ครึ่ง” ก็ยังพอจะอยู่ได้

ทว่าที่ต้องการใช้เร่งจีดีพี อยู่ที่การค้าข้ามชาติ ผลิตส่งออกที่หงอยเหงาซบเซามาตลอดกว่า ๓ ปี หากจะถือเอาบทความชิ้นหนึ่งในสื่อเยอรมันมาช่วยอธิบาย ว่าการค้ากับประเทศตะวันตกเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คณะทหาร คงจะไม่ยืดเวลาโร้ดแม็พออกไปเกินกว่ากำหนดสี่ปีครึ่ง ดังที่พวก สนช. โดยเฉพาะตัวประธาน (พรเพชร วิชิตชลชัย) อยากได้
บทความเรื่องข้อพิพาทภายในอียูเกี่ยวกับการบอยคอตฮุนต้าไทย โดยสำนักข่าวแฮนเดิลบลัต กล่าวถึงการกระตุ้นของชุมชนธุรกิจเยอรมันในประเทศไทย ให้รัฐบาลของประเทศในกลุ่มอียูปรับนโยบายใหม่

เนื่องจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำจะทำให้เดินนโยบายเซมเซมไม่ได้แล้ว “ในสายตาของบรรดาบริษัทชาวยุโรปความเปลี่ยนแปลงไม่เพียงเป็นสิ่งต้องการ ยิ่งกว่านั้นมันคือความจำเป็น” นายจอร์ก ล้าสช์ ประธานสมาคมธุรกิจยุโรปในไทยบอก


ทีเคยบอยคอตรัฐบาลเผด็จการอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็ให้ไปขอเจรจาต๊ะเอี้ยผู้ทรงอำนาจภายในไตแลนด์เดียเสียเถอะ จะได้ยกเลิกการปิดกั้นหันไป ดีลปลดล็อคการค้า เพื่อประเทศกลุ่มอียูจะได้ขายของให้ไทยได้มากขึ้น

นั่นมีตัวอย่าง เมื่อสักสองอาทิตย์ที่แล้ว ทั่นประธาน สนช. สภาตู่ตั้ง เผือก ว่าการเลือกตั้งน่าจะต้องยืดไปถึงกลางปี ๖๒ โน่น ตอนนั้นพอสื่อเยอรมันจับสัญญานได้ ก็วิจารณ์กันใหญ่ว่าถ้าอย่างนั้นการกลับมาสัมพันธ์การค้าแบบเดิมอีกคงยาก

เคราะห์ดีหัวหน้าใหญ่ผู้ยึดอำนาจที่สื่อเยอรมันเรียก พุตซ์อันฟูห์เรอร์ นั่นละ ไปสะกิดจับมือทรั้มพ์แล้วปลาบปลื้มมาก เลยประกาศว่าจะประกาศให้เลือกตั้งได้เมื่อไหร่ในเดือนมิถุนายนปีหน้า พอกลับถึงไทยแรกๆ ยังกำกวม จนมาพูดชัดได้เมื่อวานนี่แหละ

ครานี้ธุรกิจเยอรมันในไทยอาจผลักดันประเทศในประชาคมยุโรป (ในนามอียู) ให้เปลี่ยนนโยบายถอดมาตรการบอยคอต เหมือนที่สมาคมการบินนานาชาติปลดธงแดง ให้สลิ่มเอาไปชื่นชมลุงตูบว่าทำสำเร็จ เสร็จแล้วลุงบิ๊กตุ่นอาจจะไม่รู้ว่ามันได้มายังไง ก็ได้

ก็น่าชื่นใจยูโรจะเอาอย่างทรั้มพ์ เอาอย่างจีน ที่อ้าแขนเปิดรับผู้นำฮุนต้าไทยไปจูจุ๊บ แล้วได้ขายของให้ไทย จีนขายเรือดำน้ำ รถถัง รถไฟเร็ว (ปานกลาง) มะกันขายแบล็คฮ้อค โบอิ้ง จรวดสกั๊ด แถมด้วยเครื่องในหมูติดกระดูก และไก่งวง

ยูโรจะขายบ้างถ้าเปิดเจรจาแก้ไขนโยบายเดิมได้ ไม่รู้จะขายอะไรบ้าง ถ้าจะเดาก็คงเดาจากตัวอย่างสินค้าที่ผู้นัมพ์ไทยชอบ ไข่ปลาคาเวียร์เนี้ย หมูแฮมไข่ดาว แซลมอนรมควัน ไส้กรอกเยอรมัน กับอีกหลายๆ อย่าง

เพียงแต่ว่าถ้ายุโรปเปิดรับกลับมาค้าขายกับไทยใหม่ ก็คงแบบเดียวกับจีนและอเมริกัน คือพวกเขาเป็นฝ่ายขาย พวกเราเป็นฝ่ายซื้อ เท่านั้น

*(หมายเหตุ ขอบคุณ นิค น้อสติทซ์ ที่บอกลายแทงข่าวนี้ พร้อมทั้งอธิบายเบื้องหลังเสริมภูมิประกอบ https://www.facebook.com/nick.nostitz/posts/1535388529841176 

นักข่าวชาวเยอรมันท่านนี้ ที่อยู่ในไทยสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ให้ทหารกระชับพื้นที่ราชประสงค์-ประตูน้ำ ด้วยกระสุนจริงและสไน้เปอร์ จนประชาชนที่ไปชุมนุมกันวิ่งอลหม่านจน ชนกระสุน ตายไปกว่า ๙๐ นั่น เขาเห็นเหตุการณ์กับตา เห็นเพื่อนนักข่าวชาวไทยตายต่อหน้า เขามีภรรยาเป้นคนไทย มีลูกชายหนึ่งคน พากันอพยพกลับไปอยู่เยอรมนีพร้อมหน้า ลงหลักปักฐานเป้นที่เรียบร้อยแล้ว)