วันศุกร์, มิถุนายน 23, 2560

กลายเป็นว่าดราม่าน้ำตาร่วงเนี่ย มันสร้างกระแสขึ้นมา กำลังก่อตัวเป็นคลื่นใต้น้ำขึ้นแล้ว

เรื่องยิ่งลักษณ์ร้องไห้วันเกิดเป็นสาวใหญ่วัย ๕๐ บิ๊กไฟ้ฟ์ นั่นน่ะไม่ใช่ดราม่าธรรมดาซะแล้ว ลงถ้าอาอี๊ ติ่งมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ออกมาเต้นแร้งเหน็บหนักทันควัน

“อย่าทำเป็นนางเอกละครดาวพระศุกร์ อายุ ๕๐ ต้องมีสติพอจะไตร่ตรองสำนึกได้ว่า ทำไมชาวนาถึงผูกคอตายไปเกือบ ๒๐ ศพในสมัยเป็นนายกฯ ตอนนั้นทำไมไม่ไปร้องไห้หน้าศพชาวนา”


ว่าตามตรงคำบริภาษณ์ของนางมัลลิกามีบางอย่างพอรับฟังได้ แต่เรื่องชาวนาผูกคอตายนั้นสมัยอภิสิทธิ์ก็เคยมี สมัยประยุทธ์ก็มี ย้อนไปสมัยชวนปล่อยหมาไล่กัดชาวนาซะอีก อี๊พูดไม่หมดอย่างนี้ถ้าอ้างว่าเพราะอยู่พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องจำนนความจริง

ส่วนว่า “หยุดนำพี่น้องเสื้อแดงมาเป็นตัวประกัน เพราะประสบการณ์บอกให้รู้ว่าทุกครั้งที่มีการปลุกระดมประชาชนพี่น้องเสื้อแดงขึ้นมา ประชาชนที่เป็นพี่น้องเสื้อแดงก็โดนถีบหัวส่งเสมอ

อ๊ะ อ๋า ช้าก่อน พูดแบบนี้พวกเสื้อแดงเขาต้องบอกว่าอย่าโมเมอ้าง “ชั้นไม่ใช่ญาติของเธอ”

โดยเฉพาะตอนปิดท้ายดันว่า “อย่าฉวยโอกาสเอาความที่สาวกเสื้อแดง อ่านหนังสือไม่เกิน บรรทัดจึงไม่เข้าใจโครงสร้างของคดีทั้งหมด มาเป็นโอกาสของคุณ” นี่เป็นวิธีลูบหลังก่อนแล้วค่อยตบหัว จะเอาเขามาอ้างแล้วยังดูหมิ่น

ย้อนกลับไปดูกันสิว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงอะไร นางมัลลิกาถึงได้กระเหี้ยนกระหือเสียเหลือหลาย

ไฮไล้ท์คัดจาก เนชั่นทีวีให้มั่นใจว่าไม่ใช่ข่าว อวยส่วนรายละเอียดปลีกย่อยต้องใช้ ไทยรัฐ เป็นตัวช่วย

“ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำตาว่า วันเกิดทุกคนรอฉลองอย่างมีความสุข แต่ในปีนี้ได้แต่รอโชคชะตา สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ซึ่งหวังว่าวันเกิดปีนี้จะมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา และคาดหวังว่าจะมีโอกาสมาทำบุญวันเกิดแบบนี้ในปีหน้าอีก”


 “การต่อสู้คดีในโครงการรับจำนำข้าวนั้น คาดหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม เพราะทุกอย่างอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาคดี สิ่งใดที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะร้องขอต่อศาล

หวังว่าศาลจะเมตตาให้ความเป็นธรรม โดยเห็นว่าหากผู้ที่ดำเนินนโยบายได้รับผลเช่นนี้ ก็เชื่อว่าจะไม่มีใครกล้าดำเนินการเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน


คงไม่มีกลุ่มไหนเม้าท์เรื่องนี้ได้ดีเท่า ปวินแฟนขลับPavin Chachavalpongpun เจ้าของกระทู้เปิดเวทีอภิปรายว่า “จะตีความยิ่งลักษณ์ร้องไห้ ว่ายังไงดี

...ถ้าจะมองอย่างคนเห็นใจยิ่งลักษณ์ คงต้องบอกว่า มันเป็นความรู้สึกอัดอั้นตันใจของยิ่งลักษณ์จริงๆ โดนซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดนอยู่ฝ่ายเดียว เมื่ออยู่ท่ามกลางกัลยาณมิตร เลยเก็บน้ำตาไม่ไหว บรรยากาศพาไป เลยร้องไห้ออกมา

...ถ้าจะมองอย่างนักวิเคราะห์ คนที่อยู่กลางๆ (อย่างผมมั้ง) นอกไปจากความรู้สึกอัดอั้นตันใจแล้ว ยิ่งลักษณ์ต้องรู้ว่าการร้องไห้ในที่สาธารณะอย่างนี้มันสามารถสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองได้

นับตั้งแต่รัฐประหาร ยิ่งลักษณ์วางยุทธศาสตร์สำคัญประการหนึ่งคือ การยังคงติดต่อกับฐานมวลชนอย่างต่อเนื่อง มีกิจกรรมเดินสายไม่หยุดหย่อน เป็นทางหนึ่งในการรักษาความนิยมเอาไว้

ทั้งในแง่การเป็นเกราะคุ้มกันหากรัฐบาลทหารคิดจะเล่นงานเธออย่างจริงจัง และในแง่ของการมองอนาคตทางการเมืองของตัวเองในระยะยาว...”


หนึ่งในผู้ร่วมอภิปรายบนเพจ Suda Rangkupan วิเคราะห์ด้วยหลักจิตวิทยาว่า “มันเป็นภาวะทางจิต (mental state) มันเกิดควาามรู้สึกยากจะเก็บกลั้นอารมณ์ได้จริงๆ นะคะอาจารย์ จึงยากที่จะวินิจฉัยไปทางใดทางหนึ่ง คิดว่าภาวะเข้มข้นทางอารมณ์ มันก็เป็นไปได้สูงมาก พอๆ กันกับเหตุผลทางการเมือง

แต่ว่า Jittra Cotchadet ณ สวีเด็น เธอไม่วิเคราะห์ละ ฟันธงเลยว่า “ยิ่งลักษณ์เธอสบายกว่าคนอื่นครึ่งค่อนประเทศ ยังมีคนทุกข์กว่าเธออีกเยอะ การเมืองทั้งนั้น...

แก้ไขไม่แก้แค้น แก้อะไรได้บ้าง เอารายชื่อแก้ ๑๑๒ ใส่พานให้ก็ปัดตก ให้นิรโทษคนติดคุกก็ไม่ทำ จะเอาพี่ชายกลับบ้านให้ได้ เหอะๆๆ” อันนี้แน่นอน แค้นฝังหุ่น

สิ่งที่ หนักหนา จนเป็นแรงกดดันให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องหลั่งน้ำตาต่อหน้าสาธารณะ น่าจะมีประเด็นครั่นเนื้อครั่นตัว ว่าเมื่อไหร่กรมบังคับคดีจะออกอาการ ลงมือยึดทรัพย์ของเธอ ตามที่ คสช. ได้มีคำสั่งไปแล้ว แม้ทั้งคดีแพ่งและอาญายังคาอยู่ที่ศาล

ถกกันไปทำไรมี คุณพี่วิษณุ (เครืองาม) ทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมายสรุปให้แล้วว่า “หยุดไว้เพราะยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร ที่ไหน...

ผมเข้าใจว่าเวลานี้ยังไม่ถูกเบรกจากศาลปกครองให้คุ้มครองชั่วคราว ทำให้กรมบังคับคดีเดินหน้าไปได้ แต่ยังไม่มีอะไรที่จะไปยึด เพราะไม่เจอว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์มีอะไร”

ทั่นรองฯ อธิบายเสริมด้วยว่า “เหมือนกับคดีอื่นที่ศาลตัดสินว่าคนนั้นแพ้คดี แล้วให้ไปยึดทรัพย์เพื่อมาชำระหนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็หาทรัพย์ แต่เมื่อหาทรัพย์ไม่เจอก็หยุดไว้ก่อน


เป็นอันว่าหลุดไปเปราะหนึ่ง จึงพอคาดหวังได้ว่ากรมบังคับคดีคงจะยัง ส่ายไม่ได้ จนกว่าศาลปกครองสูงสุดและศาลอาญาแผนกคดีการเมืองจะ สั่น

ซึ่งรูปคดีนั้นได้มีการนัดสืบพยานไปแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งก็เป็นที่ฮือฮาหน้าศาล เมื่อมีชาวบ้านและประชาชนจำนวนมากไปให้กำลังใจ

เธอ “หวังว่าอีกไม่กี่นัดที่เหลือจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคได้ และคงได้รับความยุติธรรม ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาให้กำลังใจที่หน้าศาลเกือบทุกนัดด้วยความยากลำบาก

เลยกลายเป็นว่าดราม่าน้ำตาร่วงเนี่ย มันสร้างกระแสขึ้นมา กำลังก่อตัวเป็นคลื่นใต้น้ำขึ้นแล้ว

ส่วนอี๊ติ่งอยากจะเร่งรัดคดีเพราะเห็นว่าเนิ่นนานมา ๖ ปี ก็ต้องไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมนั่นนะ จะมาเขียนด่ายิ่งลักษณ์บนหน้าเฟชบุ๊คอย่างนี้ ศาลทั่นไม่มีเวลามาไล่เก็บข้อมูลหรอกอี๊