วันศุกร์, พฤศจิกายน 28, 2557

อรรถชัย อนันตเมฆ: "คนเหล่านั้นปล้นเสรีภาพ และประชาธิปไตยของเราไป" -- จักรภพ เพ็ญแข: “คุณจะคืนความสุขให้ประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อคุณยึดมันมาจากเกียรติขั้นพื้นฐานของพวกเค้า” -- อั้ม เนโกะวัย : "ไม่เคยเสียใจ ที่ตัดสินใจออกนอกประเทศ แทนการไปรายงานตัว" ... บทสัมภาษณ์จาก FP


เก็บความจาก UDD Thailand
...

"คนเหล่านั้นปล้นเสรีภาพ และประชาธิปไตยของเราไป"

หนึ่งบทสัมภาษณ์ของ อรรถชัย อนันตเมฆ ณ เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้าน

"ประยุทธ์และเหล่าสมุนนายพลขึ้นสู่อำนาจอย่างผิดกฎหมาย และเราไม่ควรจะยอมรับพวกเค้า” โด่งพูดถึง ผบ.ทบ.ที่กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีจากการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม “และผมก็คือหนึ่งคนที่ถูกเรียกตัวไปเพื่อซักถาม”

จากนักแสดงโด่งดัง โด่งก็เคยหลงใหลในชื่อเสียง แต่ชีวิตที่สุขสบายก็จบลงเมื่อเค้าขึ้นเวทีปราศรัยเมื่อปี 2553 ร่วมกับ นปช.องค์กรที่ให้การสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ถูกยึดอำนาจเมื่อปี 2549

ปัจจุบันโด่งพยายามที่จะค้นหาว่าจะเอายังไงกับชีวิต เค้าหวังจะได้กลับบ้านซักวัน แต่หากความคิดของเค้ายังเป็นเช่นนี้ การออกนอกประเทศของเค้าอาจจะเป็นการถาวร “บางที ถ้ามีคนเหมือนเรามากกว่านี้ และไม่ต้องไปรายงานตัวต่อเผด็จการ เราก็อาจไม่ต้องตกอยู่ในสภาวะนี้” โด่งรู้สึกผิดหวังที่บรรดานักกิจกรรมไม่มีความกล้าหาญมากพอที่จะปฏิเสธคำสั่งของกองทัพ และเข้าไปรายงานตัวเพื่อรับโทษ โด่งเองก็ยังไม่แน่ใจว่า การตัดสินใจของเค้าที่หนีออกนอกประเทศ ท้ายที่สุดแล้วจะสามารถต่อต้านเผด็จการได้มีประสิทธิภาพ แต่เค้าเชื่อว่ามันดีกว่าอยู่แบบเงียบๆยอมรับการกระทำของเผด็จการภายใต้กฎอัยการศึก

โด่งคือหนึ่งในนักกิจกรรมด้านประชาธิปไตย ที่ถูกตามล่าจนต้องหนีออกนอกประเทศ จากการต่อต้านรัฐประหารแบบเปิดเผยและการวิจารณ์การสลายการชุมนุมที่ผ่านมา มีนักกิจกรรมจำนวนมากที่ต้องหลบหนีไปยังประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเซฟเฮ้าของประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวและกัมพูชา บางส่วนอยู่ฮ่องกง มาเลเซีย ญี่ปุ่น ยุโรปและอเมริกา

ส่วนหนึ่งจากบทความเรื่อง Home Away From Home: Pro-democracy activists from Thailand are banding together in exile rather than submitting to the military junta.

บ้านที่ไกลจากบ้าน :กลุ่มนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยจากประเทศไทย ที่ยอมถูกขับออกนอกประเทศดีกว่ายอมรับเผด็จการทหาร

http://www.foreignpolicy.com/articles/2014/11/25/home_away_from_home_thailand_exiles

— with อรรถชัย อนันตเมฆ.
ooo


“คุณจะคืนความสุขให้ประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อคุณยึดมันมาจากเกียรติขั้นพื้นฐานของพวกเค้า”

เช้าวันหนึ่ง แถวตะเข็บชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน ผมกระโดดขึ้นรถจี๊ปที่มีหน้าต่างสีซีดๆ ที่ซึ่งทำให้ผมได้พบกับหนึ่งในผู้ก่อตั้งองค์กรเสรีไทย คำให้สัมภาษณ์จาก จักรภพ เพ็ญแข อดีตโฆษกรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร ผู้ที่ถูกข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทยและก่อการร้าย รัฐบาลทหารได้ยกเลิกพาสปอร์ตของเค้า

จักรภพเล่าว่า องค์กรเสรีไทยไม่ใช่องค์กรที่แตกสาขามาจากความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง แต่ควรเคลื่อนไหวเหมือนเป็นองค์กรร่มที่ปกป้องประชาธิปไตย ต่อต้านการรัฐประหาร ประสานงานเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวร่วมกัน โดยดำเนินกิจการภายนอกประเทศ

เมื่อวันที่ 19 กันยา ครบรอบ 8 ปีรัฐประหาร องค์กรเสรีไทยมีแผนที่จะเปิดตัวเวปไซด์ขององค์กร แต่เมื่อถึงเวลาที่กำหนด เวปไซด์กลับไม่สามารถถ่ายทอดได้ จักรภพบอกว่าการเลื่อนไม่เกี่ยวข้องกับการถกเถียงกันในองค์กร แต่เป็นเพราะความคิดที่ว่าจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จตามพันธะสัญญาที่ให้ไว้ สอดคล้องกับนักกิจกรรมที่ออกนอกประเทศ ซึ่งมีการเคลื่อนไหวกันแล้ว มีการช่วยองค์กรทำกิจกรรมต่อต้านเมื่อเดือนที่แล้วที่มิลาน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประท้วงนับร้อย เมื่อครั้งนายกรัฐมนตรีไทยไปเยือน นอกจากนี้พวกเค้ายังร่างรัฐธรรมนูญเพื่อใช้โต้ตอบรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยเผด็จการ และเมื่อเวปไซด์เปิดทำการได้ ประชาชนคนไทยทั้งในและนอกประเทศ จะสามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญที่จัดทำขึ้น

David Streckfuss ชาวอเมริกันที่อาศัยในไทยมากว่า 25 ปี กล่าวว่าการเคลื่อนไหวขององค์กรเสรีไทยยังจำกัด เพราะการปิดกั้นความเห็นต่างของรัฐบาลเผด็จการ

จักรภพกล่าวอย่างมีความหวัง ถึงความสามารถขององค์กรเสรีไทยที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ถนนประชาธิปไตย เค้าถอนหายใจและหัวเราะเบาๆเมื่อกล่าวว่า “คุณจะคืนความสุขให้ประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อคุณยึดมันมาจากเกียรติขั้นพื้นฐานของพวกเค้า” ผมคิดว่าเวลาจะบอกเล่าเองว่า ประชาชนมีความสุขจริงมั๊ยในเมื่อเค้าขาดสิทธิพื้นฐานอันชอบธรรม

เป็นที่นิยมพูดกันมากจากผู้ที่สนับสนุนรัฐประหารว่า ประเทศไทยมีการปกครองที่ไม่เหมือนใครและคนต่างชาติไม่มีวันเข้าใจ แต่จักรภพกล่าวว่า เป็นข้ออ้างเก่าๆที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน ทั้งๆที่ประเทศอย่างอังกฤษ ญี่ปุ่นและสแกนดิเนเวียต่างก็ยังคงราชวงศ์ไว้ ควบคู่กับการมีประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะฉะนั้นประเทศไทยไม่ใช่ประเทศแรกที่จะมีทั้งสองอย่าง

คำถามคือ “แล้วราชวงศ์ยินดีที่จะฏิรูปมั๊ย” คุณสามารถที่จะยึดอำนาจได้อีกเป็น 10 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้สามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ของประเทศ หรือประชาชนต้องการประชาธิปไตยจริงๆหรือ ผมคิดว่าพวกเค้าต้องการ และเราจะพิสูจน์เอง

ส่วนหนึ่งจากบทความเรื่อง Home Away From Home: Pro-democracy activists from Thailand are banding together in exile rather than submitting to the military junta.

บ้านที่ไกลจากบ้าน :กลุ่มนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยจากประเทศไทย ที่ยอมถูกขับออกนอกประเทศดีกว่ายอมรับเผด็จการทหาร

http://www.foreignpolicy.com/articles/2014/11/25/home_away_from_home_thailand_exiles

http://vimeo.com/112832418
ooo


"ไม่เคยเสียใจ ที่ตัดสินใจออกนอกประเทศ แทนการไปรายงานตัว"

อั้ม เนโกะวัย 22 ปี หนึ่งในนักกิจกรรมผู้ปฏิเสธคำสั่งเรียกตัวของเผด็จการกล่าวว่า เธอไม่มีทางเลือกมากนัก อั้มอาศัยอยู่ในประเทศแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มาตลอด 3 เดือนนี้ และเพิ่งจะย้ายไปอยู่ปารีสไม่นาน พิธีกรคนดังได้แจ้งความเธอในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งเธอปฏิเสธและบอกว่ากองทัพไม่เคยแสดงหลักฐานอะไร เธอไม่เคยเสียใจที่ตัดสินใจออกนอกประเทศแทนการไปรายงานตัว

เธอบอกว่า ไม่มีทางจะได้รับการสอบสวนคดีที่เป็นธรรม และเธอจะได้รับอันตรายมาก หากเธอคิดจะมอบตัว

พวกเค้าต้องพาฉันไปขังที่เรือนจำชายแน่นอน และเพราะฉันเป็นเพศที่ 3 จึงทำให้ฉันต้องได้รับอันตรายมากๆ เพราะไม่มีการปกป้องเพศที่ 3 และมีการละเมิดตลอดเวลาในที่แห่งนั้น

อั้มเป็นคนแปลก วกวน และชอบทำเสียงเหมือนแมว (ชื่อ เนโกะ เป็นภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่าแมว) ในวัยของเธอ สิ่งหนึ่งที่น่าสงสัยก็คือ เธออาจไม่ตระหนักถึงผลที่จะตามมาจากการกระทำของเธอ ซึ่งจะทำให้เธอต้องลี้ภัยอยู่นอกประเทศเป็นเวลานาน และอาจทำให้เธอจบลงด้วยการติดคุกที่ไทยมากกว่า 15 ปี ด้วยข้อหาเผยแพร่คลิปหมิ่นฯบนโซเชี่ยลมีเดียในขณะลี้ภัยอยู่ แต่เหมือนผู้ลี้ภัยอื่นๆ เธอมองว่าบทบาทของการต่อต้านรัฐประหารของเธอสำคัญมาก มีคนไทยมากเกินไปที่เดินทางกลับบ้านเพราะหมดหวังและอ่อนล้า และยอมรับโชคชะตาจากการขับเคลื่อนของการรัฐประหาร

เมื่อถามว่าเธอหวังจะกลับเมืองไทยมั๊ย จากเสียงร่าเริงสดใสก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทันที เธอคิดถึงครอบครัวอย่างมาก และเชื่อว่าเธอจะรอจน 5 หรือ 10 ปีก็จะได้กลับบ้าน ซึ่งเวลานั้นราชวงศ์จะสิ้นสุดลงและประเทศจะกลายเป็นสาธารณรัฐ

ส่วนหนึ่งจากบทความเรื่อง Home Away From Home: Pro-democracy activists from Thailand are banding together in exile rather than submitting to the military junta.

บ้านที่ไกลจากบ้าน :กลุ่มนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยจากประเทศไทย ที่ยอมถูกขับออกนอกประเทศดีกว่ายอมรับเผด็จการทหาร

http://www.foreignpolicy.com/articles/2014/11/25/home_away_from_home_thailand_exiles

http://vimeo.com/112832418 — with Aum Neko.