วันศุกร์, พฤศจิกายน 28, 2557

บลูมเบิร์กวิจารณ์เศรษฐกิจไทย แค่ศัลยกรรมทำจมูก



บทบรรณาธิการจาก 'บลูมเบิร์กวิว' สื่อออนไลน์ซึ่งเน้นข่าวสารและการวิจัยเกี่ยวกับตลาดการค้า หุ้น และการเงินโลก วิจารณ์เศรษฐกิจไทยในปีหน้าไว้น่าหดหู่ ว่าไม่ควรที่จะลิงโลดกับการที่ตลาดหุ้นไทยกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย นั้นเป็นการสร้างภาพให้สดสวยเกินจริงไป อ้างรายงานธนาคารโลกว่าไทยยังคงเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจช้าที่สุดในเอเซียอาคเนย์ บอกจะก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ตราบเท่าที่ยังกดขี่บีบคั้นลมหายใจแห่งประชาธิปไตย 

Reports of Thailand’s Revival Are Greatly Exaggerated
By The Editors  Nov 27, 2014 9:01 AM EST

Thailand may still be the best place in the world to get a nose job, even after its military coup last spring. But tentative signs of an economic rebound hardly resolve the deep structural problems that continue to afflict its politics, economy and society.

ประเทศไทยอาจจะยังเป็นแหล่งเสริมจมูกที่ดีที่สุดในโลกอยู่ ทั้งที่กองทัพยึดอำนาจรัฐไปเมื่อฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว หากแต่สัญญานชั่วคราวที่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะกลับมาเหมือนเดิมอีก นั่นยากนักที่แก้ปัญหาเชิงลึกในทางโครงสร้าง ที่ยังคงเชือดเฉือนระบบการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมให้เจ็บร้อนต่อไป

The Thai stock market is booming, and growth has ticked upward slightly after shrinking almost 2 percent in the first quarter. The country has retained its position as the world's No. 1 destination for medical tourism, including cosmetic surgeries.

ตลาดหุ้นไทยยังคงเบ่งบาน และมีการเติบโตแนวตั้งเล็กน้อยหลังจากที่หดตัวไปเกือบ ๒ เปอร์เซ็นต์เมื่อไตรมาสสุดท้าย ประเทศยังคงรักษาอันดับหนึ่งของการเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการท่องเที่ยวเพื่อการแพทย์ อันรวมถึงการศัลยกรรมความงาม

At best, however, May's coup has only stemmed the bleeding caused by months of political turmoil. The World Bank thinks the country will remain the slowest-growing economy in Southeast Asia through 2016. High household debt levels -- more than 80 percent of gross domestic product -- will continue to depress spending. While coup leaders have put some money in citizens' pockets with millions in payments to rice and rubber farmers, household consumption is projected to grow only 1.5 percent next year. The central bank's easy-money policy has led mostly to a run-up in stock prices.

ถึงกระนั้น อย่างดีที่สุดของผลจากการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคมมีเพียงห้ามเลือดที่ไหลรินเพราะความวุ่นวายทางการเมืองหลายเดือนไว้ได้เท่านั้น ธนาคารโลกคิดว่าไทยจะคงเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจช้าที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ไปตลอดปี ๒๕๕๘ สภาพหนีสินในครัวเรือนสูง มากกว่าร้อยละ ๘๐ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) จะยังคงกดดันไม่ให้มีการจับจ่ายต่อไปอีก ในขณะที่ผู้นำการรัฐประหารใส่เงินเข้าพกเข้าห่อพลเมืองนับล้านๆ ในการจ่ายให้กับชาวนาและชาวสวนยาง อัตราการบริโภคในครัวเรือนได้ถูกตั้งเป้าไว้เพียง ๑.๕ เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า นโยบายปล่อยสภาพคล่องของธนาคารแห่งประเทศไทยแค่ก่อให้เกิดการถีบตัวของราคาหุ้นขึ้นเท่านั้น

Previous military-led governments in the 1980s were able to jump-start growth through heavy state-directed investment. But today's ruling generals face a more complex challenge. It's too late for Thailand to regain low-end manufacturing jobs, which have shifted to cheaper neighbors. To move up the value chain, the country needs to invest in education, research and development, and infrastructure -- something juntas have proved no better than civilian governments at doing. Plans to spend $60 billion on transportation infrastructure during the next 10 years will help but not immediately and not enough.

รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารครั้งก่อนในช่วงสี่สิบกว่าปีที่แล้ว ใช้วิธีโหมการลงทุนอย่างหนักหน่วงเพื่อติดเครื่องการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ว่าคณะทหารที่ครองอำนาจในประเทศขณะนี้เผชิญกับความซับซ้อนของปัญหาที่ท้าทายมากกว่า มันสายไปเสียแล้วสำหรับประเทศไทยที่จะสร้างงานระดับทักษะต่ำสำหรับอุตสาหกรรมประกอบชิ้นส่วนวัสดุภัณฑ์ได้อีก เพราะการจ้างงานเหล่านี้ได้ย้ายฐานไปอยู่ในหมู่ประเทศเพื่อนบ้านที่ค่าแรงต่ำกว่าเสียหมด การที่จะยกระดับคุณภาพ ประเทศจะต้องลงทุนในด้านการศึกษา การวิจัย และพัฒนาการ กับระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคเสียใหม่ อันเป็นสิ่งที่คณะทหารที่ยึดอำนาจได้แสดงให้ประจักษ์แล้วว่าไม่ได้ดีไปกว่ารัฐบาลพลเรือน โครงการทุ่มงบประมาณ ๑๘๐,๐๐๐ ล้านบาทในเรื่องโครงสร้างด้านการขนส่งสำหรับระยะสิบปีข้างหน้าจะช่วยได้ แต่ไม่ใช่ทันที แล้วยังไม่เพียงพออีกด้วย

Nor does the military's road map for returning power to civilians inspire confidence. Early drafts suggest that the proposed political reforms will be designed not to heal Thailand's divides, but to ensure that followers of exiled former Prime Minister Thaksin Shinawatra cannot return to power through elections. Even assuming that army-chief-turned-Prime Minister Prayuth Chan-Ocha keeps his pledge to step down by the end of 2015 -- which is far from a given -- that's hardly a recipe for long-term political stability.

แม้กระทั่งโร้ดแม็ปของกองทัพที่จะคืนอำนาจให้แก่ปะชาชนก็ไม่ได้ผล ไม่สามารถสร้างความมั่นใจในหมู่ประชาชนได้ ร่างพิมพ์เขียวของแผนปฏิรูปทางการเมืองที่เสนอออกมาแต่เนิ่นแล้วนั้น ออกแบบมาไม่ใช่เพื่อเยียวยาอาการบาดหมางที่เกิดขึ้นในประเทศไทย หากแต่เพื่อที่จะกีดกันไม่ให้พลพรรคของอดีตนายกรัฐมนตรีทัษิณ ชินวัตร ซึ่งลี้ภัยอยู่ สามารถกลับมาสู่อำนาจโดยผ่านการเลือกตั้งได้ แม้แต่จะเหมาเอาว่าอดีตผู้บัญชาการทหารที่กลายเป็นนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยอมลงจากตำแหน่งตอนปลายปี ๒๕๕๘ ตามคำสัญญา ซึ่งก็ห่างไกลความเป็นไปได้อยู่นักแล้ว นั่นก็ยังไม่ใช่แผนการณ์ที่ดีเลยสำหรับเสถียรภาพทางการเมืองในระยะยาว

Thailand cannot move forward by repressing the democratic aspirations of half its population. Doing so will undercut the legitimacy of the country's courts and regulatory agencies, as well as the parliament, which will be dominated by appointed rather than elected legislators. They will exacerbate Thailand's already appalling inequality (in which the richest 10 percent of Thais own as much as 75 percent of national wealth). Perhaps most damaging, this will remove the need for Thai opposition parties to develop a true political alternative to Thaksin's electoral machine. Any reforms that do not address that fundamental problem are only skin-deep.

ประเทศไทยไม่อาจที่จะขยับไปข้างหน้าได้ด้วยการกดขี่บีบคั้นลมหายใจแห่งความเป็นประชาธิปไตยของประชาชนครึ่งประเทศ การทำอย่างนั้นจะยิ่งบั่นทอนความชอบธรรมของศาลและคณะกรรมการตรวจสอบต่างๆ รวมถึงสภานิติบัญญัติที่เต็มไปด้วยพวกแต่งตั้งไม่มาจากการเลือกตั้งลงไปมากขึ้น การกดขี่จะยิ่งกระพือสภาพน่าเกลียดในเรื่องความไม่เท่าเทียมกันในประเทศ (ที่ซึ่งคนไทยร่ำรวยจำนวน ๑๐ เปอร์เซ็นต์ของประชากร ครอบครองความมั่งคั่งทั้งมวลในประเทศไว้ถึง ๗๕ เปอร์เซ็นต์) มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียหายร้ายแรงสุดจะเกิดขึ้นเมื่อความรู้สึกจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองของฝ่ายตรงข้ามให้เป็นพรรคการเมืองอันทรงคุณค่า ที่จะเป็นทางเลือกมาแทนกลไกการเมืองเลือกตั้งของทักษิณได้ การปฏิรูปใดๆ ที่ไม่ได้เข้าไปถึงปัญหาพื้นฐานจริงๆ ละก็ มันแค่ทำอย่างผิวเผินแต่เปลือกนอกเท่านั้น

To contact the senior editor responsible for Bloomberg View’s editorials: David Shipley at davidshipley@bloomberg.net.
http://www.bloombergview.com/articles/2014-11-27/reports-of-thailands-revival-are-greatly-exaggerated