วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 30, 2557

สื่อนอก BBC รายงานข่าวเรื่องการยกเลิกชื่อสกุลพระราชทาน “อัครพงศ์ปรีชา”ซึ่งเป็นชื่อสกุลเดิมของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา และมีการคาดการณ์กันในวงกว้างว่าเรื่องการยกเลิกชื่อสกุลพระราชทานนี้เป็นการปูทางไปสู่การหย่าร้างของทั้งสองพระองค์


ภาพประกอบ - สำนักข่าวอิศรา

ที่มา FB BBC Thai

ยกเลิกชื่อสกุลพระราชทาน

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันกับบีบีซีไทยว่า ได้รับหนังสือเรื่องยกเลิกชื่อสกุลพระราชทาน “อัครพงศ์ปรีชา” จากกองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารแล้ว

หนังสือดังกล่าว เอกสารเลขที่ พว 0005.1/ ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 จากกองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมฯ ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่องยกเลิกชื่อสกุลพระราชทาน "อัครพงศ์ปรีชา" โดยให้ผู้ที่ใช้ชื่อสกุลพระราชทานนี้ในปัจจุบันกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิม ลงนามโดยพลอากาศเอกสถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์ฯ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการกองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมฯ

บุคคลในชื่อสกุล “อัครพงศ์ปรีชา” ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีพัวพัวกันกับคดีจับกุมพล.ต.ท พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และนายตำรวจระดับสูงอีกหลายราย

พล.ต.ท. ประวุฒิบอกบีบีซีไทยว่า เท่าที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏมาก่อนว่า มีการยกเลิกชื่อสกุลพระราชทาน ส่วนความคืบหน้าในคดีดังกล่าว พล.ต.ท. ประวุฒิบอกบีบีซีไทยว่า อาจมีการจับกุมเพิ่มเติม ส่วนทรัพย์สินของผู้ต้องหานั้น เท่าที่สืบทราบในตอนนี้ผู้ต้องหาไม่มีการนำเอาเงินทอง หรือทรัพย์สินไปฝากต่างประเทศ มีการนำไปลงทุนบ้าง แต่นานมาแล้ว

ด้านบีบีซีภาคภาษาอังกฤษรายงานว่า สมเด็จพระบรมฯ ทรงสั่งให้รัฐบาลยกเลิกชื่อสกุลซึ่งเป็นชื่อสกุลของเดิมของพระวรชายา โดยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาพระญาติสนิท 7 คน ของพระวรชายา ถูกจับในข้อหาว่าเกี่ยวข้องกับการค้าของเถื่อนและการพนันที่พัวพันกับคดีพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์

ผู้สื่อข่าวบีบีซีภาคภาษาอังกฤษรายงานด้วยว่า เป็นที่รู้กันว่าสมเด็จพระบรมฯ ทรงแยกทางกับพระวรชายาแล้ว ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระราชโอรสหนึ่งพระองค์ ซึ่งคาดว่าจะทรงอยู่ในลำดับต่อไปของการสืบสันตติวงศ์ หากสมเด็จพระบรมฯ ได้ทรงขึ้นครองราชย์ต่อจากในหลวง

บีบีซีภาคภาษาอังกฤษ รายงานเพิ่มเติม เรื่องการยกเลิกชื่อสกุลพระราชทาน “อัครพงศ์ปรีชา” ว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารทรงสั่งให้รัฐบาลยกเลิกชื่อสกุลพระราชทาน “อัครพงษ์ปรีชา” ซึ่งเป็นชื่อสกุลของเดิมของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา หลังจากที่พระญาติสนิท 7 คน ของพระวรชายาถูกจับในข้อหาว่าพัวพันกับการทุจริตคอรัปชั่น และมีการคาดการณ์กันในวงกว้างว่าเรื่องการยกเลิกชื่อสกุลพระราชทานนี้เป็นการปูทางไปสู่การหย่าร้างของทั้งสองพระองค์

โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซี ภาคภาษาอังกฤษ รายงานจากกรุงเทพฯ ว่า เรื่องมลทินที่เกิดกับพระญาติของพระวรชายาในช่วงสิบวันมานี้ เป็นข่าวที่สื่อมวลชนในไทย รายงานอย่างกว้างขวาง แต่กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่มีบทลงโทษรุนแรง ทำให้สื่อมวลชนในไทย ไม่กล้ารายงานถึงความสัมพันธ์ด้านเครือญาติ

ผู้สื่อข่าวบีบีซีรายงานว่า น้าของพระวรชายา เป็นตำรวจตำแหน่งสูง ถูกตั้งข้อหาว่าพัวพันกับการค้าของเถื่อนและการพนัน นอกจากนั้นพระญาติใกล้ชิด 4 คน และญาติห่าง ๆ อีก 2 คน ถูกจับกุมด้วย

ล่าสุดกองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ส่งหนังสือไปยังกระทรวงมหาดไทยให้ยกเลิกชื่อสกุลพระราชทาน ที่พระองค์ทรงพระราชทานให้กับตระกูลของพระวรชายา เมื่อทรงอภิเษกสมรส เมื่อปี 2544 โดยพระวรชายาทรงเป็นพระชายาองค์ที่สามในสมเด็จพระบรมฯ

ผู้สื่อข่าวบีบีซีรายงานว่า สมเด็จพระบรมฯ ทรงไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระวรชายาแล้ว แต่ยังคงเสด็จปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้วยกัน และคาดว่าจะทรงหย่าร้างกับพระวรชายา ผู้สื่อข่าวบีบีซีภาคภาษาอังกฤษบอกว่าสิ่งนี้นับเป็นก้าวสำคัญ เพราะตามปกติแล้วเป็นเรื่องที่คาดกันว่า พระวรชายาในองค์รัชทายาท จะขึ้นเป็นราชินี เมื่อสมเด็จพระบรมฯ จะทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ต่อจากในหลวง และตำแหน่งราชินีเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญมากในประเทศไทย


29 November 2014 Last updated at 10:14 ET
Source BBC

Thailand's Crown Prince Vajiralongkorn has asked the government to strip his wife's family of their royally bestowed name.

It comes after seven of her close relatives were arrested in a purge of officials allegedly involved in corruption.

Princess Srirasmi Akrapongpreecha is Crown Prince Vajiralongkorn's third wife, and the pair married in 2001.

The move is widely expected to be a first step to divorce.

He was already known to be estranged from the princess, although they continued to attend official functions together.

Letter

The purge of Princess Srirasmi's family over the past 10 days has been widely reported in Thailand.

However, until now the severity of the lese majeste law criminalising any critical comment about the monarchy meant that no Thai media had pointed out the family connection.

The princess's uncle, a senior police general, was arrested over accusations of amassing vast wealth through smuggling and gambling rackets.

Four of her siblings and two other relatives have also been held.

The office of Crown Prince Vajiralongkorn has now sent a letter to the interior ministry ordering her family to be stripped of the royal name he bestowed on them when he married her.

The dramatic downfall of Princess Srirasmi comes at a very sensitive time, analysts say, with the 86 year-old King Bhumibol Adulyadej in poor health.

As the Crown Prince's wife, she would have been expected to become Queen when he succeeds his father, a potentially very powerful position given the exalted status of the monarchy in Thailand.

The pivotal position of the monarchy in Thailand's political order makes the succession an extremely sensitive issue, many aspects of which still cannot be reported from inside the country.

The world's longest-reigning monarch, King Bhumibol has been on the throne in Thailand since 1946.
ooo


คำสั่งปลดยศทหาร-ให้ออกจากราชการ 'ณัฐพล-สิทธิศักดิ์-ณรงค์'
Sun, 2014-11-30 03:00
ที่มา ประชาไท

คำสั่งหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ฯ ให้ปลดและถอดยศ พ.ต.ณัฐพล-จ.ส.อ.สิทธิศักดิ์ และคำสั่งสำนักพระราชวังไล่นายณรงค์ ออกจากราชการ หลังทั้ง 3 ถูกจับกุมในข้อกล่าวหาอ้างเบื้องสูงทวงหนี้ ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนกักขัง หน่วงเหนี่ยว โดย ผบ.ตร. ระบุว่าขยายผลจากการจับกุม "เดอะกิ๊ก" อดีต ผบช.ก. คดีส่วยน้ำมันเถื่อน


ภาพจาก สำนักข่าวอิศรา

30 พ.ย. 2557 - เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2557 เว็บไซต์สำนักข่าวไทย เผยแพร่คำสั่งหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ เลขที่ 656/2557 เรื่อง ให้ปลดนายทหารสัญญาบัตรและถอดออกจากว่าที่ยศ และ เลขที่ 657/2557 เรื่อง ให้ปลดนายทหารประทวนและถอดออกจากยศทหาร ได้แก่ ว่าที่ พ.ต.ณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา ผู้ช่วยนายทหารธุรการ กองบังคับการสำนักงานฝ่ายเสนาธิการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ จ.ส.อ.สิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา เสมียน กองบังคับการสำนักงานฝ่ายเสนาธิการ ในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

โดย พ.ต.ณัฐพล ให้ออกจากราชการ โดยไม่มีเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญ พ้นราชการทหารประเภทที่ 2 และถอดออกจากว่าที่ยศทหาร เนื่องจากกระทำความผิดวินัยทหาร ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ผิดกฎหมายบ้านเมือง ส่วน จ.ส.อ.สิทธิศักดิ์ ให้ออกจากราชการ โดยไม่มีเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญ คงเป็นนายสิบกองหนุน ประเภทที่ 1 ชั้นที่ 1 สังหัด จทบ.ก.ท. และถอดออกจากยศทหาร เนื่องจากกระทำความผิดวินัยทหาร ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ผิดกฎหมายบ้านเมือง

ขณะเดียวกันมีคำสั่งสำนักพระราชวัง ที่ 468/2557 เรื่อง ลงโทษไล่ข้าราชการออกจากราชการ ลงนามโดย นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองเลขาธิการพระราชวัง รักษาราชการแทน เลขาธิการพระราชวัง โดยระบุว่า นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ตำแหน่งเจ้าพนักงานในพระองค์ ประเภททั่วไป ระดับอาวุโส เลขที่ตำแหน่ง 926 งานต่างประเทศ ฝ่ายราชเลขานุการ กองกิจการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร ได้รกะทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โดยมีกรณีความผิดกล่าวคือ สำนักพระราชวังได้รับรายงานจากกองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2557 ว่านายณรงค์ ได้แอบอ้างพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร เพื่อหาประโยชน์ส่วนตน การกระทำดังกล่าวทำให้ไม่เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ในการนี้ มีพระราชบัณฑูรให้ลงโทษไล่ นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชาออกจากราชการ สำนักพระราชวังพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของ นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา เป็นความผิดวินัยฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง อันเป็นความผิดตามมาตรา 85 (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 จึงเห็นสมควรลงโทษไล่ออกจากราชการ

ทั้งนี้นายณัฐพล นายสิทธิศักดิ์ และนายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา เป็น 3 ใน 5 ผู้ต้องหาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขยายผลจากการจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และพวก ในคดีเรียกรับสินบน และแอบอ้างเบื้องสูง จากรายงานของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ว่า ตำรวจได้ขยายผลการจับกุมเครือข่ายเพิ่มเติมอีก 5 คน ได้แก่ นายณัฐพล นายสิทธิศักดิ์ และนายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ และนายชากานต์ ภาคภูมิ โดยต่อมาทั้งหมดถูกตั้งข้อหา มีความผิดหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือเสรีภาพ โดยมีอาวุธ ซึ่งร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่น

โดยเมื่อวันที่ 28 พ.ย. มีการนำตัวมาขออำนาจศาลจังหวัดพระโขนง ฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน โดยถูกนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง (1), (2)

อนึ่ง ไทยรัฐออนไลน์ รายงานด้วยว่า พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ถึงกรณีที่กองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทำหนังสือ ประกาศหนังสือยกเลิกชื่อนามสกุล "อัครพงศ์ปรีชา" ว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว ซึ่งผู้ที่เคยได้รับการพระราชทานนามสกุลดังกล่าว ก็ต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิม คือ "เกิดอำแพง" และกระบวนการต่อไป ทางกระทรวงมหาดไทยจะต้องไปดำเนินการถอดถอนต่อไป (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ควบคุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้ต้องหาคดีส่วยน้ำมันเถื่อน จากศาลอาญา รัชดาภิเษก มาถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังศาลอนุญาตให้ฝากขัง และไม่อนุญาตให้ประกันตัว ตามที่พนักงานสอบสวนยื่นคัดค้านการประกันตัว