วันพฤหัสบดี, กันยายน 18, 2557

คำพูดสุดท้ายก่อนสิ้นใจของ วิลเลียม วอลเลซ "Freedom" ซึ่งอยู่ในใจของชาวสก็อตมาถึง 700ปี...จะเป็นจริงหรือไม่...18 กันยานี้รู้


ที่มา FB Von Richthofen
September 15 at 10:05am

คำพูดสุดท้ายก่อนสิ้นใจของ วิลเลียม วอลเลซ คือ "Freedom" อิสระภาพของชาวสก็อตแลนด์ คำของวอเลซนี้อยู่ในใจของชาวสก็อตมาถึง 700ปี อีกสี่วันก็จะถึงเวลาที่คนสก็อตออกมาแสดงประชามติอีกครั้งว่าจะปลดตัวเองออกจากอังกฤษหรือยังอยู่กับอังกฤษ ไม่ต่างกับศึกครั้งสุดท้ายที่วอเลซนำชาวสก็อตออกสู้เพื่ออิสระภาพ

เซอร์ วิลเลียม วอลเลซ นั้นมีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1270 – 1305 ถ้าจะเทียบกันแล้วเป็นเวลาพร้อมกับที่กรุงสุโขทัยสถาปนาขึ้นมาเลยทีเดียว เรื่องของวอเลซนั้นส่วนมากคนจะเล่าขานตามที่อยู่ในกวีนิพนธ์เรื่อง The Acts and Deeds of Sir William Wallace, Knight of Elderslie" โดย แฮรี่นักเล่าเรื่องเร่ร่อนที่ตาบอดในในคริสต์ศตวรรษที่ 15 หรือเมื่อห้าร้อยปีก่อน ในตำนานนั้นได้บอกว่าวอลเลซเป็นลูกของ เซอร์มัลคอม วอลเลซ แห่งเอลเดอร์ลี ได้ออกท่องโลกจากเกาะอังกฤษไปยังยุโรปได้เรียนรู้ละตินและศิลปะวิทยาการจาก อิตาลี ฝรั่งเศษ แล้วจึงกลับมาบ้านเกิดที่สก็อตแลนด์ ในเวลานั้นกษัตริย์อังกฤษปกครองโดย พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 ซึ่งส่งขุนนางมาปกครองสก็อตแลนด์อย่างโหดเหี้ยม มีการบังคับให้ผู้หญิงของสก็อตต้องนอนกับขุนนางเป็นคนแรกในวันแต่งงาน เพื่อให้ลูกคนแรกมีเลือดของคนอังกฤษ ซึ่งกลับเลวร้ายลงไปทุกทีจนกลายเป็นว่าคืนนรกนั้นเจ้าสาวต้องโดยข่มขืนโดยขุนนางและทหารทั้งคืน จนวอลเลซต้องแอบแต่งงานในป่าเพื่อให้รอดพ้นจากคนที่ตัวเองรักต้องโดนข่มขืน

แล้ววันหนึ่งที่วอลเลซต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ คือวันที่ภริยาของตัวเองต้องโดนฆ่าตายโดยขุนนางอังกฤษ บิดาและพี่ชายก็ตายไปด้วยจากมือของอังกฤษ โดยวอลเลซได้ฆ่าทหารอังกฤษและขุนนางทั้งหมด ต่อมาวอลเลซได้เข้าร่วมรบกับเซอร์วิลเลียม ดักกลาส แห่งฮาร์ดี สามารถปลดปล่อยเมืองแอเบอร์ดีน เพิร์ท กลาสโกว์ สกอน และดันดี เป็นอิสระจากอังกฤษได้ และได้ยึดเอาป่าเซลเคิร์ก เป็นที่มั่น ผู้คนชาวสก็อตต่างก็เข้าร่วมกับ วอลเลซ จนกลายเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ หลังจากนั้น วอลเลซ ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น เซอร์ จากกษัตริย์สก็อตแลนด์

กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดแห่งอังกฤษได้ตามล่าตัววอลเลซจนตีทัพของวอลเลซแตกที่ฟอลเคิร์ก จนต้องหนีไปฝรั่งเศสแต่ก็ถูกจับได้เมื่อกลับมาสก็อตแลนด์อีกครั้ง และถูกส่งตัวไปลอนดอนในข้อหากบฏ วอลเลซได้กล่าวว่า "ข้าพเจ้ามิได้เป็นกบฏต่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด เพราะข้าพเจ้าไม่ได้เป็นข้าแผ่นดินของพระองค์ พระเจ้าจอห์น บาลลิออล คือกษัตริย์ของข้าพเจ้า" ในวันที่ 23เมษายนปี 1305 วิลเลียม วอลเลซ ก็โดนประหารชีวิตด้วยการทรมาณแขวนคอแต่ไม่ให้ตายหลายครั้งแล้วจึงฆ่าให้ตายโดยผ่าท้องเฉีอนร่างกายทั้งเป็นออกเป็นชิ้นๆ เสียบประจาน

ดาบของวอลเลซโดน พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 ยึดเอาไว้ที่ลอนดอนและอยู่อย่างนั้นมาถึงเจ็ดร้อยปีเพิ่งคืนกลับให้สก็อตแลนด์ได้ไม่นาน

ก่อนขาดใจตาย เซอร์วิลเลียม วอลเลซ ได้ตะโกนออกมาว่า "Freedom" ขอให้อิสระภาพจงเป็นของชาวสก็อตแลนด์ ในอีกสี่วันข้างหน้าเราจะได้เห็นกันว่าลูกหลานของ เซอร์วิลเลียม วอลเลซ จะออกมาสู้กับอังกฤษเพื่อสก็อตแลนด์เหมือนกับที่วอลเลซเคยนำชาวสก็อตแลนด์ออกมาสู้เพื่อแลกชีวิตกับอิสระภาพเหมือนเมื่อเจ็ดร้อยปีก่อนหรือไม่

เครดิตภาพ โปสเตอร์ภาพยนต์เรื่อง Braveheart, อนุสาวรีย์ของเซอร์วิลเลียม วอลเลช ที่หน้าปราสาทเอดินเบอระ สก็อตแลนด์, ดาบของวอลเลซที่พิพธภัณฑ์สถานแห่งชาติวอลเลซ สก็อตแลนด์
...

September 14 at 10:48am
18 กันยานี้ สก็อตแลนด์จะแยกตัวจากอังกฤษภาคที่ 1


วันนี้ผมจะเล่าเรื่องสก็อตแลนด์แยกตัวออกจากอังกฤษให้ฟัง เรื่องนี้ผมเล่าสามวันก็ไม่จบเพราะจะให้เห็นภาพต้องพูดถึงความเป็นมาย้อนหลังไปหลายร้อยปีตั้งแต่สมัยยุคกลางได้เลย จะบอกว่าเรื่องนี้มันฟ้าลิขิตขีดเขี่ยก็ว่าได้ คนสก็อตนั้นมีวิถีของตัวเองไม่เหมือนคนอังกฤษ จะบอกว่านิสัยส่วนตัวน่ารักกว่าคนอังกฤษทุกคนก็ไม่ผิด เพื่อนๆที่เป็นสก็อตของผมทุกคนถ้าไม่น่ารักตั้งแต่วันแรกที่จับมือกันก็กวนตีนไปเลย แต่พอรู้จักรสตีนคนไทยถวายเข้าครึ่งปากครึ่งจมูกกันจนฉ่ำใจแล้วก็จะเป็นเพื่อนกันกอดคอกินเหล้ากันได้ตลอดชีวิต เพราะนิสัยคนสก็อตนั้นซื่อๆ รักก็รักเลย เกลียดก็ชกเลย เป็นแบบนี้เอง น่ารักกว่าหลายๆเชื้อชาติ

คนสก็อตกับคนอังกฤษนั้นลึกๆแล้วไม่ค่อยชอบขี้หน้ากันสักเท่าไร เมื่อครั้งที่ฟุตบอลอังกฤษกับสก็อตแลนด์แข่งกันรอบชิง โค๊ทของสก็อตแลนด์สั่งฉายหนังเรื่อง Braveheart ให้ดูก่อนลงสนาม ปรากฎว่าครั้งนั้นอังกฤษเละกลับไปเกือบทุกคน เพราะทุกคนสวมวิญญาน วิลเลี่ยม วอลเลซ นักรบของสก็อตแลนด์ที่ต่อต้านอังกฤษเมื่อเจ็ดร้อยปีก่อนลงแข่งถล่มอังกฤษเสียคลานไม่เว้นแม้แต่ผู้รักษาประตู แม้ว่าราชวงศ์สจ๊วตของสก็อตแลนด์จะเป็นต้นตระกูลของราชวงศ์อังกฤษในปัจจุบัน แต่คนสก็อตเองก็ไม่ได้มองว่าเป็นราชวงค์ของตัวเองสักเท่าไร ยังคงเป็นศึกสายเลือดตั้งแต่ครั้งที่ ควีนอลิซาเบธที่ 1 สั่งประหาร ควีนแมรีแห่งสกอตแลนด์ เมื่อครั้งที่สถาปนานิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ แล้วงัดข้อกับคาทอลิกที่สก็อตแลนด์ยังสนับสนุนควีนแมรีอยู่ แม้ว่าภายหลังที่ คิงเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ จะขึ้นนั่งบัลลังค์ของอังกฤษเป็น คิงเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษก็ตาม นโยบายพระราชาองค์เดียวแต่สองการบริหารก็ยังคงอยู่จนกระทั่งในอีกร้อยปีต่อมาถึงมีการรวมการบริหารเป็นหนึ่งประเทศเพราะสภาพเศษฐกิจมันย่ำแย่ต้องกอดคอกันไว้และกลายเป็นราชอาณาจักรบริเตนใหญ่จนถึงทุกวันนี้ นั่นคือการตัดสินใจรวมกันเมื่อสามร้อยกว่าปีก่อน

นิทานในวงเหล้าสมัยก่อนตอนที่ผมยังเรียนหนังสือ คนสก็อตเคยเล่าให้ผมฟังคำว่า FUCK เป็น Acronym ที่เกิดจากเลือดและน้ำตาของคนสก็อตนะครับ ในสมันยุคกลางกษัตริย์อังกฤษอนุญาตให้ขุนนางอังกฤษที่ปกครองสก็อตแลนด์นอนกับเจ้าสาวของคนสก็อตในคืนวันแรกของการแต่งงานก่อนเจ้าบ่าวได้เพื่อให้ลูกคนแรกเป็นเลือดอังกฤษ จึงเกิดคำว่า Fornication Under Consent of King หรือ FUCK ขึ้น ในภาพยนต์เรื่อง Braveheart ก็มีฉากนี้เป็นที่สะเทือนใจคนสก็อตมาก คนสก็อตดูแล้วอยากกระทืบคนอังกฤษทุกที แต่คนอังกฤษจะเถียงว่าไอ้สก็อตมันโม้แหลก คำว่า "fornication" และคำว่า "consent" มันเป็นศัพย์สมัยใหม่โว้ย สมัย วิลเลี่ยม วอลเลซ เมื่อเจ็ดร้อยปีก่อนมันมีสองคำนี้ที่ไหนกัน และก็จบด้วยมวยอังกฤษกับสก็อตหน้าแก้วเบียร์ในสโมสรนักศึกษาทุกครั้งไป

คนสก็อตนั้นมีประชากรเพียงห้าล้านกว่าคน แต่มีพื้นที่ถึงหนึ่งในสามของเกาะอังกฤษ คนสก็อตนั้นจะถูกคนอังกฤษมองแบบเหยียดๆว่าเป็นพวกบ้านนอก Highlander แต่คนสก็อตนั้นฉลาดหลักแหลมมมาก นักวิทยาศาสตร์และนักฟิสิกส์ระดับโลกในอดีตและปัจจุบันของอังกฤษมาจากสก็อตแลนด์เสียส่วนใหญ่ นักการเงินการธนาคารก็เป็นสก็อตเกือบทั้งนั้นจะบอกว่าคนสก็อตเป็นยิวของอังกฤษก็ว่าได้เพราะไม่ต่างกับที่อเมริกามียิวนั่งคุมการเงินอยู่ในนิวยอร์ค ธนาคารชาติของอังกฤษ และ HSBC ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปก็มีคนสก็อตก่อตั้งและดูแล

โลกนี้จะไม่เป็นแบบที่เห็นถ้าไม่มีคนสก็อตแลนด์ก็ไม่มี สมการแม็กซ์เวล สมการเทอร์โมไดนามิกส์ของเคลวินและแรงคิน เครื่องจักรไอน้ำของวัตต์ โทรศัพท์ของเบล โทรทัศน์ของจอห์น แบร์ด เรดาห์ของโรเบิร์ด วัตสัน
ทางด้านการเงินการธนาคารแล้วระบบตู้ ATM สำหรับมนุษย์เงินเดือนการเบิกเงินเกินบัญชีแล้วค่อยมาจ่ายสิ้นเดือน การคิดระบบทศนิยมทางการเงิน ธนาคารกลางขนาดใหญ่ของอังกฤษและยุโรปฝีมือคนสก็อตทั้งนั้น ผมอยากจะบอกว่าที่ทองคำราคาตกลงฮวบกันมาต่อเนื่องเกือบเดือนแล้วงวดนี้ก็ฝีมือคนสก็อตนะครับไม่ใช่อเมริกา อย่าดูถูกฝีมือกันเกินไป แต่ผมทำนายได้เลยว่าเงินปอนด์ของอังกฤษเจ็บตัวแน่กับการยื้อทองคำบ้าๆเพื่อพยุงดอลล่าเอาใจอเมริกาขนาดนี้

วันนี้เองแค่นี้ก่อนครับ พรุ่งนี้ผมจะมาเล่าต่อว่าการแยกประเทศครั้งนี้ สก็อตมีไพ่อะไรอยู่ในมือ และอังกฤษมีไพ่อะไรอยู่ในมือ และเกมส์นี้จะจบอย่างไร สนุกแน่ครับรับรองได้
..

September 15 at 3:11am

18 กันยานี้ สก็อตแลนด์จะแยกตัวจากอังกฤษภาคที่ 2


ถ้าสก็อตแลนด์สามารถแยกตัวออกมาได้จะมีเวลา 18เดือนที่จะจัดการเตรียมตัวที่จะเป็นอิสระในทุกด้านเพียงแต่เป็นประเทศในเครือจักรภพเหมือนหลายๆประเทศที่มีควีนองค์เดียวกันเท่านั้น แต่เป็น 18 เดือนที่หนักหนาสาหัสมากโดยเฉพาะระบบการเงินที่ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด

ขณะนี้ (15กย.) ผลของโพลที่ทำขึ้นระหว่างคะแนนโหวตว่าแยกตัวกับไม่แยกตัวไล่บี้กันมาก มีคะแนนตัวแปรที่ยังไม่แน่ใจอีก 4-8% โดยผลโพลสามวันก่อนหน้าบอกว่าฝ่ายแยกตัวยังอยู่ที่ 40% กว่าๆ ส่วนฝ่ายขอรวมอย่างเดิม 50% กว่าๆ ดังนั้นถ้าพวกที่ยังไม่แน่ใจแทไปฝั่งไหนฝั่งนั้นชนะทันที แต่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ประกาศโผใหม่ออกมาว่าสำนักโพล ICM ได้บอกว่าฝ่ายแยกนำ 54% ฝ่ายรวมมี 46% แต่เป็นตัวเลขที่ผมไม่เชื่อสักเท่าไร เวลานี้ทางอังกฤษก็ออกแค็มเปญ “Better Together” รวมกันดีกว่า แต่ทางฝ่ายสนับสนุนแยกดินแดนของนาย อเล็กซ์ ซาลมอนด์ แกนนำของสก็อตแลนด์ ได้ออกมาดิ้นพอสมควรกับสิ่งที่ออกสื่อมาวันนี้กับสื่อของฝั่งอเมริกาและอังกฤษ

นายเดวิท คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษและรองทั้งหลายในรัฐบาลออกเดินสายให้ข่าวเพื่อไม่ให้สก็อตแลนด์แยกตัวออกไปว่า ทั้งอังกฤษและสก็อตแลนด์คือครอบครัวเดียวกันมาตลอด 307ปี ไม่มีใครเหนือกว่าใคร ต่อไปสก็อตแลนด์จะมีสิทธิ์และเสียงรวมถึงอำนาจที่จะบริหารงบประมาณการเงินการคลังเข้าพื้นที่ไม่ต่างกับอังกฤษ เรื่องนี้ทางอังกฤษเองก็ให้สิทธิ์แก่สก็อตแลนด์มาสิบกว่าปีแล้วทั้งจำนวนที่นั่งในสภาที่เพิ่มขึ้นและการตัดสินใจเพื่อตัวเองในทุกด้านไม่เว้นแม้แต่เรื่องทหาร

นาย อเล็กซ์ ซาลมอนด์ ผู้นำในการแยกสก็อตได้พูดออกมาว่าเราไม่ต้องการชนะแค่คะแนนเดียวแต่เราต้องการเสียงส่วนมากในการสนับสนุนให้สก็อตแลนด์แยกตัวออกมา เพราะนาย อเล็กซ์ ซาลมอนด์ ก็เข้าใจดีว่าถ้าแยกได้สำเร็จแล้วแต่เสียงครึ่งต่อครึ่งยังอยากอยู่กับอังกฤษรัฐบาลเอดินเบอระในอนาคตก็จะบริหารประเทศไปได้ยาก เรื่องนี้ไม่ต่างกับบ้านเราหรอกครับที่สิบกว่าล้านเสียงเลือกรัฐบาลหวุดหวิดแพ้ชนะเข้ามาแล้วก็ล้มทั้งสองฝ่ายไม่มีใครได้อะไรเลยนอกจากเสียหายทั้งประเทศมาสิบกว่าปีแล้ว สก็อตแลนด์ก็เช่นกัน รัฐบาลเอดินเบอระจะมีสเถียรภาพไม่ได้เลยถ้าประชาชนครึ่งหนึ่งไม่มีใจให้

เรื่องนี้สำหรับราชวงค์แล้วต้องยืนนิ่งทำตัวเป็นกลางเพราะจะว่าด้วยเรื่องกฎหมายหรือในฐานะสถาบันสูงสุดในเครือจักรภพแล้วควีนจะให้ความเห็นไม่ได้เลย แต่ในใจลึกๆควีนคงไม่อยากเสียสก็อตแลนด์ไปแน่นอน เรื่องนี้ถ้าจะถอยหลังไปสิบกว่าปีที่สก็อตแลนด์เริ่มออกมาชูนโยบายแยกประเทศ ทางวังบักกิ้งแฮมก็เงียบมาตลอดแต่ก็มีการเอาใจสก็อตแลนด์เงียบๆโดยให้ความสำคัญของเสี้อผ้าเครื่องแบบของทหารสก็อตออกงานถี่ขึ้น ลูกหลานในราชวงค์ก็แต่งตัวออกงานเป็นสก็อตมากขึ้นเหมือนกับว่าควีนให้เห็นว่าสก็อตนั้นคือรากฐานของราชสำนักอังกฤษ อังกฤษและสก็อตคือเนื้อเดียวกัน

ขณะนี้สก็อตแลนด์มีสมบัติที่อยู่ในมือคือพื้นที่หนึ่งในสามของเกรทบริเทน แต่มีประชากรเพียงห้าล้านกว่าคน แต่พื้นที่อังกฤษมีคนหนาแน่นกว่าถึง สี่สิบเจ็ดล้านกว่าคน จะดูแล้วตัวหารจำนวนประชากรต่อทรัพยากรของสก็อตแลนด์มีน้อยกว่า แต่สิ่งอังกฤษจะหายไปคือแหล่งน้ำมันในทะเลเหนือที่เป็นน้ำมันสำรองถึง 85%ที่จะต้องกลายเป็นส่วนของสก็อตแลนด์ และฐานทัพเรือดำน้ำที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษที่จะต้องเสียไปแบบกว่าจะสร้างใหม่ได้ใหญ่โตขนาดนี้อีกนานในสภวะการเงินถดถอยเช่นนี้ อุตสาหกรรมต่อเรือที่กลาสโกว์ก็ถือว่าเป็นแหล่งเงินอีกแหล่งที่จะทำให้สก็อตแลนด์ยืนขึ้นได้ แต่สิ่งที่สก็อตแลนด์ยังขาดคือระบบการเงินที่ยังไม่มีเลย จะโดดไปใช้เงินยูโรก็ไม่ไหวเพราะสภาพเวลานี้เน่ามากเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ จะใช้เงินปอนด์ก็เท่ากับยังไม่ปลดเป็นอิสระภาพการคลังจากอังกฤษ แม้ว่าจะไม่มีทางเลือกมากนักว่าสก็อตแลนด์ต้องใช้ระบบเงินเดียวกับอังกฤษก็ตามแต่ในสามปีแรกคงต้องบอบช้ำอย่างหนักทั้งสองฝ่าย นายอลิสแตร ดาร์ลิ่ง อดีตรัฐมนตรีคลังของอังกฤษได้กล่าวว่ารวมกันนั้นดีกว่ามากตรงที่ทั้งสองฝ่ายจะไม่มีใครเจ็บตัวเลยแต่ถ้าแยกกันก็เตรียมตัวได้ว่าสภาวะการเงินจะเจอศึกหนักแน่ในปี 2008 และอังกฤษเองก็จะใช้สิทธิ์คัดค้านในเวที EU ทุกประการ

บริษัทการเงินและการธนาคารที่ใหญ่ของอังกฤษในสก็อตแลนด์ก็คงต้องถอยออกมา ไม่ว่าจะเป็น รอแยลแบงค์ออฟ อิงแลนด์ และธนาคารลอยด์ที่ต้องถอนทุ่นออกไป แล้วในเวลา 18เดือนทางสก็อตแลนด์เองจะทำอย่างไรกับการเริ่มต้นใหม่ของระบบการเงินที่จะเป็นรากฐานของประเทศ การบริหารบริษัทน้ำมันที่เป็นพลังงานหลักให้ทั้งเกรทบริเทนไม่ใช่ของง่ายอะไรเลย แต่ถ้าสก็อตแลนด์ทำได้และสอบผ่านสภาพการกินอยู่ของประชาชนดีกว่ารอรับเศษเงินจากอังกฤษแน่อนแต่ต้องใช้เวลาพอสมควรระดับสามถึงห้าปีขึ้นไป

ขณะนี้คนสก็อตที่แตกเสียงออกมาครึ่งต่อครึ่งเพราะมีส่วนที่โหวตโนเพราะไม่อยากเจอสภาวะการเงินที่มีปัญหาในช่วงเริ่มต้น แต่คนที่โหวตเยสมองว่าเงินที่ได้จากทรัพยากรมาหารกันแล้วยังมากกว่าเศษเงินที่อังกฤษโยนมาให้คนสก็อตแบบทุกวันนี้ถ้ายอมอดทนในช่วงแรก เรื่องนี้มองว่าถูกทั้งคู่ เพราะว่าพ้นสามปีไปได้ระบบการเงินการบริหารเข้าที่แล้วประชาชนจะกินดีอยู่ดีขึ้นกว่าอยู่กับอังกฤษ แต่สามปีแรกบอกได้เลยว่าลำบากเลือดตาแทบกระเด็นกับประเทศที่เริ่มมาจากไม่มีอะไรเลย และอังกฤษเองก็เกือบล้มไปด้วยจากทรัพยากรในรูปของเงินรายได้ที่ควรจะได้มาจากทรัพยากรของสก็อตแลนด์

เรื่องนี้สื่อวิเคราะห์ข่าวของอเมริกันได้ให้ความเห็นว่า ประเทศอื่นมีทุกอย่างที่สก็อตมี แต่สก็อตไม่มีอะไรหลายอย่างมากอย่างที่ประเทศอื่นมี ดังนั้นสก็อตจะเอาอะไรเป็นจุดขาย การท่องเที่ยวก็ไม่มีเหมือนที่อื่นแม้ว่าสก็อตแลนด์จะสวยงามเพราะไม่มีการโปรโหมดอะไรเหมือนที่อื่นเพราะอังกฤษชิงไปหมด เหล้าสก็อตแท้ๆก็ไม่ใช่ว่าจะขายดี เพราะแบรนด์อังกฤษที่ขายเหล้าสก็อตขายดีกว่าเหล้าสก็อตแท้ๆ อาหารและการเกษตรที่ผลิตได้จะขายแบบเป็นกอบเป็นกำเหมือนในฝั่งทวีปยุโรปก็ไม่มีอะไรเป็นหน้าเป็นตา สรุปแล้วสก็อตต้องสร้างใหม่ทั้งหมดและกินเงินค่าเช่าฐานทัพกับน้ำมันที่มีอยู่ นักวิเคราะยังบอกว่ารัฐต่างๆส่วนใหญ่ของอเมริกายังหาเงินเข้ารัฐได้มากกว่าสก็อตแลนด์ทั้งประเทศในเวลานี้เสียอีก ยังเป็นระยะทางอีกยาวไกลกว่าสก็อตแลนด์จะนิ่งพอให้คนสก็อตหายใจสบายๆแบบเมื่อครั้งยังไม่แยกออกมา แต่ถ้านิ่งเมื่อไรสก็อตแลนด์จะเป็นประเทศที่รวยที่สุดในเกาะเกรทบริเทน