วันพฤหัสบดี, กันยายน 18, 2557

วิเคราะห์การลงเสียงประชามติในสกอตแลนด์

โพสต์จากบทความส่วนตัวใน Facebook:  วิเคราะห์การลงเสียงประชามติในสกอตแลนด์



                                                   

อีกประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่งข้างหน้า หรือ 7:00 นาฺฬิกา ตามเวลาท้องถิ่นของวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557 (เวลา 13:00 น ของประเทศไทย) สกอตแลนด์ (Scotland) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัฐในประเทศสหราชอาณาจักร (United Kingdom) จะทำการออกเสียงประชามติ ด้วยคำถามเดียวที่ว่า

“สกอตแลนด์ควรจะเป็นประเทศอิสระหรือไม่?” “Should Scotland be an Independent Country?”

คำถามนี้ มีคำตอบอยู่ว่า ควร (Yes) หรือ ไม่ควร (No)

--------------------------------------------------

ในขณะที่เขียนอยู่ตอนนี้ โพลล์จากหลายสำนักยังให้คะแนนอย่างสูสี (แบบไม่สามารถฟันธงลงไปได้ หรือ Too Close To Call) เพราะแนวโน้มของการลงคะแนนเสียงว่า Yes นั้น ได้กระเตื้องขึ้นมาสู้กับ No ได้ด้วยคะแนน 52-48 และเมื่อมี Margin of Errors อย่างน้อย + หรือ ลบ 4.0 นั้น ก็ไม่มีใครคาดได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น


สกอตแลนด์มีประชากรผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งทั้งหมด 4 ล้านคน และคนที่สามารถออกลงคะแนนเสียง จะต้องอาศัยอยู่ในสกอตแลนด์ ไม่มีการลงคะแนนล่วงหน้า หรือ ลงคะแนนจากต่างประเทศแต่อย่างใด ถ้าผู้มีสิทธิฺ์ออกเสียงไม่ได้อยู่ที่นั่น ก็ถือว่าสละสิทธิ์ไป


เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาฝ่าย No Vote นั้น มีคะแนนนำหน้า Yes Vote อยู่ถึง 10 จุดหรือมากกว่านั้น แต่เมื่อการรณรงค์ของฝ่าย Yes Vote ระดมกันเข้ามาเป็นอย่างหนักทำให้จำนวนผู้ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ หรือ Undecided Voters นั้น เริ่มลดน้อยถอยลงไป และมิหนำซ้ำ การส่งข้อมูลทาง Social Network ยังทำให้ฝ่ายที่สนับสนุนเรื่อง No Vote นั้น กลับเปลี่ยนใจมาช่วยฝ่ายของ Yes Vote เสียอีกด้วย


การลงคะแนนเกี่ยวกับประชามติครั้งนี้ จะเปิดคูหาในเวลา 7 โมงเช้า (เวลาท้องถิ่น) และ ปิดลงในเวลา 4 ทุ่มตรง การนับคะแนนเสียงจะเกิดขึ้นทันทีในวันพฤหัสบดีตลอดทั้งคืน และควรจะได้รับคำตอบจากประชาชนในเช้าวันศุกร์ หรือราวๆ บ่ายๆ ตามเวลาของประเทศไทย


--------------------------------------------------

ถ้าถามว่า ทำไมมันถึงมีความต้องการที่จะแยกประเทศกัน? คำตอบที่เห็นง่ายที่สุดก็คือ เมื่อสมัยนายกรัฐมนตรี มากาเรท แท้ชเชอร์ บริหารราชการอยู่นั้น ได้นำเอาระบบภาษีรูปใหม่เข้ามาปฎิบัติใช้ในสกอตแลนด์เมื่อปี พ.ศ. 2532 นั่นก็คือ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่ก่อให้เกิดความคิดที่จะแยกตัวออกไป



หลังจากนั้น พรรคการเมืองชื่อว่า Scottish National Party หรือ SNP ก็เริ่มมีบทบาทหลังจากเรื่องภาษีนี้ เพราะพรรคการเมืองเป็นพรรคระบบสังคมนิยมประชาธิปไตย (Social Democratic System) และหลายๆ ประเทศในยุโรปก็อยากให้มีความเป็นอิสระจากการปกครองของประเทศอังกฤษ หลังจากปี 2542 เป็นต้นมา พรรค SNP นี้ก็เริ่มได้รับการสนับสนุนทางการเมืองภายในสกอตแลนด์ รวมไปถึงกลุ่มที่ไม่ชอบหน้านายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลย์ด้วย เมื่อปี พ.ศ. 2553 พรรค SNP กลายเป็นพรรคที่ได้รับเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาสกอตแลนด์ ก็ได้รับชัยชนะในการถกเถียงปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการแยกตัวออกเป็นอิสระจากรัฐบาลของนายเดวิด แคเมอรอน



--------------------------------------------------

สิ่งที่น่าจะนำไปคิดก็คือว่า ถ้าสกอตแลนด์เป็นประเทศอิสระแล้ว มันจะเป็นอย่างไรบ้าง?


เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ฝ่าย Yes Vote มีความหวาดหวั่นเกี่ยวกับเรื่อง หนี้สินต่างๆ ที่ก่อไว้ในสมัยที่ยังรวมตัวกับสหราชอาณาจักรอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ต้องการแยกตัวออกไปนั้น มีความมั่นใจอย่างแข็งขันว่า สามารถแยกตัวออกไปจากความครอบงำของฝ่ายสหราชอาณาจักรได้ และ เศรษฐกิจจะมีรูปแบบใกล้เคียงกันกับ ประชาธิปไตยสังคมนิยมของประเทศต่างๆ ในเขตแสกนดิเนเวีย


และตามประวัติศาสตร์แล้ว ทางฝ่ายสกอตแลนด์ก็ยังมีความใกล้ชิดทางประวัติศาสตร์กับกลุ่มแสกนดิเนเวียมากเสียด้วย และถึงแม้ว่าจะแยกตัวออกไปแล้วก็ตาม ตนเองก็ยังมีทรัพยากรธรรมชาติ เช่นน้ำมัน รวมไปถึงยังเป็นสมาชิกของสนธิสัญญานาโต้ (NATO) รวมไปถึงระบบรักษาสุขภาพกับประชาชนอันยอดเยี่ยม และการสังคมสงเคราะห์และการศึกษาฟรีในระดับอุดมศึกษาด้วย


ส่วนการค้าการพาณิชย์นั้น กลุ่มที่จะกลายเป็น Swing Votes หรือทำให้เกิดตัวแปรผันในการลงคะแนนเสียง ก็คือกลุ่ม ผู้อพยพเข้าไปอยู่และมีถิ่นฐานถาวรคือ Immigrants นั่นเอง พวกนี้จะกลายเป็นตัวแปรในเรื่องการออกเสียงสำหรับฝ่าย Yes Vote เพราะนำเอาประสบการณ์ของรุ่นพ่อหรือรุ่นของตนเองที่เคยมีอยู่ กับการเป็นประเทศอาณานิคมอย่างเช่นอังกฤษ หรือฝรั่งเศสเข้ามาขบคิดด้วย ดังนั้น ตัวแปรจริงๆ คือกลุ่ม Immigrants นี่เอง ที่จะสร้างผลว่า จะกลายเป็น Yes หรือ No (ตามข้อมูลกล่าวว่า ฝ่าย Immigrants มีจำนวนอยู่ประมาณ 4.5-6 เปอร์เซ็นต์ ที่มีสิทธิ์์ออกเสียงในการทำประชามติได้)


--------------------------------------------------

สำหรับเรื่องการเงินแล้ว การประชาสงเคราะห์โดยสกอตแลนด์ประเทศเดียว จะมีราคาแพงมากๆ และไม่สามารถที่จะจ่ายเงินเหล่านี้ได้ นอกเสียจากต้องพึ่งพากับประเทศสหราชอาณาจักร และอาจจะต้องตัดงบประมาณหลายอย่างเช่น สวัสดิการ, เงินบำนาน และระบบสาธารณสุขในปีแรกๆ เพื่อที่ประเทศของตนเองจะสามารถรอดอยู่ได้


และทางกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักรเองก็บอกว่า ประชาชนชาวสก็อตเองจะมีเงินเพิ่มประมาณ 1,400 Pounds ต่อปี (เกือบ 7 หมื่นบาท) ต่อคน ถ้าประชากรของสกอตยังอยู่ในประเทศสหราชอาณาจักร


แต่กลุ่มที่เป็นฝ่าย Yes Vote นั้นกล่าวว่า ตัวเลขที่ออกมาไม่จริงแต่อย่างใด และสกอตแลนด์เอง ก็ยังมีฐานะการเงินที่ยอดเดยี่ยม GDP ของสกอตแลนด์ตกอยู่ที่ $38,069 ต่อปี ซึ่งสูงกว่า ประเทศฝรั่งเศส, อิตาลี, ญี่ปุ่น และที่สำคัญที่สุดคือ มากกว่าทุกๆ ประเทศในสหราชอาณาจักรด้วย


และเมื่อกล่าวถึงระบบการศึกษาและการประชาสังคมที่ยอดเยี่ยมแล้ว ข้อมูลได้แสดงว่า ฝ่ายสกอตแลนด์เอง เป็นฝ่ายส่งภาษีอากรเข้าไปให้กับรัฐบาลของสหราชอาณาจักร มากกว่าแคว้นอื่นๆ ทั้งหมดอีกด้วย



แต่กลุ่มนักธุรกิจที่มีผลประโยชน์ทั่วทั้งประเทศสหราชอาณาจักร ทำการข่มขู่ว่า จะถอนตัวออกไปจากสกอตแลนด์ ถ้าเกิดกลายเป็นประเทศอิสระไป แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีปัจจัยสำคัญที่จะต้องคิดกันดีๆ นั่นก็คือ น้ำมันดิบจากทะเลเหนือนั่นเอง เพราะสกอดแลนด์สามารถค้าขายน้ำมันได้อย่างเป็นอิสระ ทางประเทศนอร์เวย์ก็สร้างตัวอย่างไว้แล้วว่า สามารถตั้งกองทุนสำรองเพื่ออธิปไตยของประเทศ (Sovereign Wealth Fund) และนำเอาผลกำไรที่มีนั้น ไปลงทุนในเรื่องทรัพยกรธรรมชาติอย่างอื่นแทนได้ แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านั้น อาจจะสูงเกินความเป็นจริงก็ได้


--------------------------------------------------

สกอตแลนด์จะใช้เงินสกุล Pound Sterling อยู่หรือไม่?


คำตอบที่ได้รับคือ จะใช้ เงินสกุล Pound อยู่ แต่รัฐบาลของประเทศอังกฤษเอง กลับบอกว่า ไม่ และจะไม่ยอมให้สกอตแลนด์ใช้เงิน Pound อย่างเด็ดขาด



แต่อย่างไรก็ตาม ทางลอนดอน ก็ไม่สามารถที่จะยับยั้งไม่ให้ สกอตแลนด์ใช้เงิน Pound ในประเทศอิสระได้ เหมือนกับที่ประเทศเอควาดอร์ใช้ U.S. Dollar



สกอตแลนด์ก็สามารถสร้างเงินสกุลของตนเองได้ แต่ยังไม่มีการรณรงค์ในเรื่องนี้แต่อย่างใด ถ้าเกิดไปรวมกลุ่มกับทางสหภาพยุโรปแล้ว ก็คงจะต้องถูกบังคับให้ใช้เงินสกุล Euro แทน และทางสกอตแลนด์เองก็คงไม่อยากจะให้เกิดแบบนั้นขึ้นมา

-------------------------------------------------- 



อะไรจะเกิดขึ้นถ้า สกอตแลนด์กลายเป็นประเทศเอกราชไป?


ประเทศสหราชอาณาจักรก็จะสูญเสียประชากรไปเป็นจำนวน 8 เปอร์เซ็นต์ และจะสูญเสียรายได้ส่วนใหญ่จากการค้าในเขตทะเลเหนือ รวมไปถึงกองกำลังทางทหารอีกด้วย

ส่วนชื่อของประเทศเองนั้น หลังจากที่มีการรวมตัวกันมานานถึง 300 ปี ฝ่ายสกอตแลนด์เองก็มีความภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของอังกฤษหรือ Britain เอง รวมทั้งธงชาติอีกด้วย (ธงของอังกฤษจะเป็นเหมือนกาชาด ของ St. George) ในขณะที่ธงของสกอตแลนด์เป็นเส้นไขว้สีน้ำเงินตัดกันของ St. Andrew และถ้าสกอตแลนด์ออกไปแล้ว ธงส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรเองก็ควรจะนำออกไปด้วย


แต่สิ่งที่สำคัญคือ ความเป็นมหาอำนาจของประเทสสหราชอาณาจักรก็เริ่มลดลงไปทีละน้อย และส่วนเรื่องจำนวนประชากรของสกอตแลนด์เอง ก็เป็นเรื่องเล็กๆ แต่การโหวดเพื่ออิสรภาพนั้นจะมีผลกระทบออกมาอีกหลายรูปแบบทีเดียว


พรรคการเมือง SNP นั้น ต้องการให้สกอตแลนด์เป็นประเทศที่ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ และอาวุธเหล่านี้ยังถูกเก็บอยู่ในดินแดนของตนรวมถึงในน่านน้ำอีกด้วย เรื่องนี้ นำความปวดเศียรเวียนเกล้ามาสู่รัฐบาลอังกฤษ เพราะเรือดำน้ำนิวเคลียร์ติดอาวุธเกือบทั้งหมด อยู่ในฐานทัพของสกอตแลนด์ เมื่อทางพรรคการเมืองต้องการให้ประเทศกลายเป็น Nuclear Free แล้ว ก็อาจจะกลายเป็นหนึ่งในเรื่องที่ต้องทำสัญญากับประเทศในองค์กรนาโต้ด้วย


แต่ถ้าความต้องการแยกประเทศได้รับชัยชนะขึ้นมา ก็อาจจะก่อให้เกิดความเคลื่อนไหว อย่างควบคุมได้ยากในประเทศต่างๆ ของทวีปยุโรป ที่ต้องการจะแยกตัวออกไปบ้าง ในเวลานี้ ก็มีการรณรงค์ในเขตคาทาโลเนียซึ่งอยู่ทางเหนือของประเทศสเปน เพื่อการแยกตัวออกไปบ้าง และกำลังมีการดำเนินการนำเอาระบบประชามติเข้ามาทำแบบเดียวกัน ที่บาเซลโลน่า ก็มีการประท้วงในการแยกตัวออกไป และกล่าวว่า มีผู้สนับสนุนอยู่ถึง 1.8 ล้านคน


การแยกตัวออกไปนั้น ก่อให้เกิดรัฐอิสระต่างๆ ขึ้นมา และเปิดประตูให้กับผู้อพยพเข้าเมืองใหม่ และถ้ากล่าวถึงเรื่องชาตินิยมเผ่าพันธุ์ที่เปลี่ยนรูปแบบแผนที่ของยุโรปเองในเวลาศตวรรษที่ผ่านมา


--------------------------------------------------

สำหรับประเทศไทยเอง ก็คงจะเห็นแบบเผินๆ จากกลุ่ม Royalists ประเภทที่ว่า ถ้าฝ่าย Yes Vote เกิดชนะขึ้นมา ก็อาจจะบอกว่า ไม่สามารถนำเข้ามาใช้กับประเทศไทยได้ เพราะสถานการณ์เป็นคนละอย่างกัน แต่ถ้าฝ่าย No Vote เกิดชนะขึ้นมา ก็จะบอกว่า นี่ไง ยังมีประชากรในสหราชอาณาจักรเป็นจำนวนมากที่ยังรักและเคารพ Monarchy Institution อยู่นะ ฯลฯ ซึ่งก็อาจจะเห็นการโพสต์แบบนี้ กลายเป็นเรื่องน่าทึ่งจริงๆ (ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในโลก Social Media ของไทยเสมอ)


ในเวลานี้ ฝ่าย No Vote กำลังได้เปรียบอยู่นิดหน่อย ซึ่งมีแนวโน้มว่า สกอตแลนด์จะอยู่คู่กับสหราชอาณาจักรต่อไป (จากโพลล์ 52 ต่อ 48)


แต่ก็ต้องรอการนับคะแนนอย่างเป็นทางการก่อน แล้วพรุ่งนี้ เราก็คงเห็นผลแล้วค่ะ ว่า สกอตแลนด์จะกลายเป็นประเทศอิสระหรือไม่ ติดตามอ่านข่าวประกอบก็แล้วกัน.....