วันพฤหัสบดี, เมษายน 18, 2567

พอเสร็จสงกรานต์ ‘ของขึ้น’ กันใหญ่ น้ำมันเชื้อเพลิงและผัก ส่วนหมูกับไข่ไก่ขึ้นเหมือนกันแต่ยังไม่พอต้นทุน

เอ๊ะยังไง พอเสร็จสงกรานต์ ของขึ้น กันใหญ่ ฟังจากปาก พี่ยุทธกับ น้องไบร๊ท์ เช้านี้เอง เรียงหน้ากันมาขึ้นราคา ตั้งแต่น้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภท ไปถึงสินค้าบริโภค หมู-ไข่-ผักชี แต่บางอย่างบางอาชีพอยากให้ขึ้น ก็ขึ้นไม่ถึงใจ

น้ำมันนั้นขึ้นหน่วยละ ๔๐ สตางค์ทุกอย่าง สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ตั้งข้อสังเกตุ เพิ่งเสนอข่าวน้ำมันในต่างประเทศตามแห่ลดราคากันหลัดๆ ไหงน้ำมันในไทยยังไม่ยอมลงกับเขาบ้าง ครั้นพอถึงเรื่องหมู สมาคมผู้เลี้ยงประกาศเมื่อคืน

หมูมีชีวิตหน้าฟาร์ม ปรับราคาขึ้นอีก ๔ บาท นี่เป็นครั้งที่สามไม่ยอมทิ้งระยะห่าง เท่ากับราคาหมูหน้าฟาร์มตั้งแต่ต้นปีมานี่ขึ้นราคาไปแล้ว ๑๒ บาท แต่ก็ยังไม่คุ้มต้นทุนของผู้เลี้ยงสุกร เกษตรกรขอให้ได้ถึงกิโลละ ๘๐ บาท แต่นี่สูงสุดที่ภาคเหนือแค่ ๗๕ บาท

ฉะนั้นผู้ประกอบการส่งสัญญานราคาเนื้อหมู “มีแนวโน้มปรับขึ้นอีก” น้องไบร๊ท์แฉ “ตอนนี้อากาศร้อน บวกกับภัยแล้งด้วย หมูเครียดง่าย กินอาหารน้อยลง หมูโตช้า หมูอ่อนแอ ติดเชื้อโรคได้ง่าย ภูมิคุ้มกันต่ำ” ว้าว มาเป็นชุด “ครบเลย”

ส่วนราคาไข่ (คละหน้าฟาร์ม) ขึ้นฟองละ ๒๐ สตางค์ จาก ๓.๔๐ บาท เป็น ๓.๖๐ บาท อธิบดีกรมการค้าภายในแจ้งสาเหตุที่ต้องปรับราคาไข่สดขึ้น เป็นเพราะอากาศร้อนด้วยเหมือนกัน “ทำให้แม่ไก่กินอาหารน้อยลง สารอาหารไม่เพียงพอ”

ออกไข่มาใบเล็กลง ขายได้ถูกไม่คุ้มต้นทุน ขณะที่ไข่ใบใหญ่มีจำนวนน้อยลง แม่ไก่เครียดจากอากาศร้อน ถึงอย่างนั้นกรมการค้าภายในบอกว่าราคาไข่ตอนนี้ยังถูกกว่าเมื่อต้นปีนะ ตอนนั้นราคาไข่ฟองละ ๔ บาทแน่ะ เท่ากับว่าถูกลง ๔๐ สตางค์

พอมาถึงผัก ไม่พ้นอากาศร้อนอบอ้าวแห้งแล้งเป็นผลให้ราคาขึ้นทั่วแผง เพิ่มตั้งแต่ ๕ บาท ๑๐ บาท ถึง ๒๐ บาท ที่ขึ้นมากผิดไปจากเพื่อนนี่เป็น ผักชีเพิ่มขึ้นมากิโลละ ๗๐-๘๐ บาท จากเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ราคา ๑๓๐-๑๔๐ บาท วันนี้ ๒๐๐-๒๒๐ บาท เฮ้อ

(https://twitter.com/3Plusnews/status/1780785823522431310) 

ประธานรัฐสภาควรบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง สสร. หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง พรรคก้าวไกล เรียกร้อง


พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
12h ·

[ ประธานรัฐสภาควรบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง สสร. หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง ]
.
วันนี้ (17 เม.ย. 67) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ไม่รับคำร้องที่ประธานรัฐสภาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้เหตุผลส่วนหนึ่งว่าเป็นเพราะ “ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยโดยละเอียดและชัดเจนแล้ว” ในคำวินิจฉัยที่ 4/2564
.
ต่อกรณีนี้ พริษฐ์ วัชรสินธุ - ไอติม - Parit Wacharasindhu สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นว่า ในภาพรวม มติดังกล่าวทำให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังคงตกอยู่ในสถานการณ์เดิมนับจากวันที่มีการตั้งรัฐบาล ดังนั้น สำหรับขั้นตอนถัดไปในการผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชน ตนและพรรคก้าวไกลขอเสนอให้มีการดำเนินการ 2 ขั้นตอน คือ
.
1) ประธานรัฐสภาควรทบทวนการตัดสินใจ ที่ก่อนหน้านี้ตัดสินใจไม่บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง สสร.ของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล โดยหันมาตัดสินใจบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาฯ เพื่อเดินหน้ากระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามสูตร “ประชามติ 2 ครั้ง”
.
พริษฐ์หวังว่ามติและคำอธิบายของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้จะทำให้ประธานรัฐสภาตัดสินใจบรรจุร่างได้อย่างสะดวกใจมากขึ้น ในเมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้ย้ำวันนี้ว่า “ได้วินิจฉัยโดยละเอียดและชัดเจนแล้ว” ในคำวินิจฉัยที่ 4/2564
.
อีกทั้งตนก็ได้เคยชี้ให้เห็นเหตุและผลผ่านการอภิปรายในที่ประชุมร่วมของรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 67 ไปแล้ว ว่าหากเราศึกษาคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรายบุคคลจากคำวินิจฉัยที่ 4/2564 เราจะเห็นว่าการที่ประธานรัฐสภาตัดสินใจบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง สสร.เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาฯ จะเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของตุลาการเสียงข้างมาก (อย่างน้อย 5 จาก 9 คน) ของศาลรัฐธรรมนูญ
.
2) หากในที่สุดมีความจำเป็นจะต้องเพิ่มจำนวนประชามติขึ้นมา 1 ครั้งตอนต้นกระบวนการ (เช่น เพราะประธานรัฐสภายังคงไม่บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง สสร.) จนทำให้จำนวนประชามติเพิ่มจาก 2 ครั้ง เป็น 3 ครั้ง พริษฐ์หวังว่ารัฐบาลจะไม่เดินหน้าด้วยคำถามประชามติที่ถูกเสนอโดยคณะกรรมการศึกษาฯ ที่มีการ “ยัดไส้” เงื่อนไขหรือรายละเอียดปลีกย่อยในตัวคำถาม ซึ่งอาจทำให้ประชาชนบางคนที่เห็นด้วยกับบางส่วนของคำถาม แต่ไม่เห็นด้วยกับอีกบางส่วนของคำถาม ไม่รู้ว่าจะลงมติเช่นไร
.
แทนที่จะทำเช่นนั้น รัฐบาลควรหันมาใช้คำถามหลักที่เปิดกว้างสำหรับการทำประชามติครั้งแรก (หากจำเป็นต้องจัด) เช่น “ท่านเห็นชอบหรือไม่ ที่จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่?” เพื่อทำให้คนที่อยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทุกคน ซึ่งอาจจะเห็นต่างกันในรายละเอียดบางส่วน ลงคะแนน “เห็นชอบ” เหมือนกันอย่างเป็นเอกภาพ และเพิ่มโอกาสที่ประชามติครั้งแรกจะผ่านความเห็นชอบจากประชาชน
.
#ก้าวไกล #ร่างรัฐธรรมนูญใหม่
.....
พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
ย้อนดูการอภิปรายภาพรวมเรื่องข้อเสนอของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชน (ในการอภิปรายทั่วไป ม.152) (www.youtube.com/watch?v=jgB3xL-3Dgk)


Infographic จากสำนักงานศาล รธน. ชี้ให้เห็นความชัดเจนว่าคำวินิจฉัย 4/2564 ที่ระบุว่าต้องจัดทำประชามติ “เสียก่อน” หมายถึงก่อน “การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ไม่ได้หมายถึงก่อน “การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่อง สสร.” สภาฯเดินเรื่อง สสร. ได้เลย


Parit Wacharasindhu (Itim) @paritw92

เห็น infographic นี้จากสำนักงานศาล รธน. ยิ่งเห็นความชัดเจนว่าคำวินิจฉัย 4/2564 ที่ระบุว่าต้องจัดทำประชามติ “เสียก่อน” หมายถึงก่อน “การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ไม่ได้หมายถึงก่อน “การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่อง สสร.” 
.
ดังนั้น คำวินิจฉัย 4/2564 ไม่ควรเป็นเหตุให้ 
(1) ประธานสภา ไม่บรรจุร่างแก้ไข รธน. เรื่อง สสร. แม้ยังไม่มีการทำประชามติ
 (2) สมาชิกรัฐสภา ไม่พร้อมโหวตให้ร่างแก้ไข รธน. เรื่อง สสร. แม้ยังไม่มีการทำประชามติ 
.
เพราะหากร่างแก้ไข รธน. เรื่อง สสร. ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา (ทั้งหมด 3 วาระ) ไปได้ มาตรา 256 (8) กำหนดให้ต้องมีประชามติอยู่ดี ก่อนจะมี สสร. มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่


หวังว่าสักวันอานนท์ ตะวัน แฟรงค์ และนักโทษการเมืองทุกคนคงได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวบ้างนะครับ ในเมื่อประเทศนี้มี #รัฐบาลจากเลือกตั้ง แล้ว และ #ความขัดแย้งของกลุ่มชนชั้นนำ ก็จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งแล้ว


สุรพศ ทวีศักดิ์
13h
·
หวังว่าสักวันอานนท์ ตะวัน แฟรงค์ และนักโทษการเมืองทุกคนคงได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวบ้างนะครับ ในเมื่อประเทศนี้มี #รัฐบาลจากเลือกตั้ง แล้ว และ #ความขัดแย้งของกลุ่มชนชั้นนำ ก็จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งแล้ว พวกชนชั้นนำทุกฝ่ายจะมีอำนาจและเสพสุขบนความทุกข์ทรมานของประชาชนคนเดินดินธรรมดากันไปถึงไหน รู้จัก #พอเพียง กันบ้างสิ!
.....

นายแผน แสนสะท้าน
12h

ยังยืนหยัด ยืนยัน ฉันยืนอยู่
จะต่อสู้ ไม่ถอย ปล่อยพวกเขา
สิทธิ์ต้องมี ประกันตัว อย่ามัวเมา
อย่าคิดเอา ตามใจ ใครบางคน
ความเป็นกลาง ต้องระหว่าง ทั้งสองฝั่ง
คือตราชั่ง ต้องใช้ ไม่สับสน
อยุติธรรม โปร่งใส ไม่วกวน
คุณค่าคน ของเรา ต้องเท่ากัน
...#คืนสิทธิ์ประกันตัว
#ยกเลิก112
#ศาลอาญารัชดาทุกวัน


เราต่างรู้ๆ กันว่านักการเมือง พรรคการเมืองไม่ได้พูดความจริงต่อประชาชนทุกเรื่อง แต่การโกหกเรื่อง “ไม่มีดีลลับ” และ “ไม่ร่วมรัฐบาลกับฝ่ายทำรัฐประหาร” มันมีผลต่อการแก้ รธน.ให้เป็น ปชต. การใช้ 112 กดปราบประชาชน และความอยุติธรรมต่อคนเสื้อแดงที่สูญเสียอย่างชัดเจน


สุรพศ ทวีศักดิ์
17m ·

#ตระบัดสัตย์แค่คำกล่าวหาทางการเมือง?
เราต่างรู้ๆ กันว่านักการเมือง พรรคการเมืองไม่ได้พูดความจริงต่อประชาชนทุกเรื่องหรอก
แต่การโกหกเรื่อง “ไม่มีดีลลับ” และ “ไม่ร่วมรัฐบาลกับฝ่ายทำรัฐประหาร” มันมีผลต่อการแก้ รธน.ให้เป็น ปชต. การใช้ 112 กดปราบประชาชน และความอยุติธรรมต่อคนเสื้อแดงที่สูญเสียอย่างชัดเจน มันทำให้รัฐบาลเพื่อไทยแค่ทำหน้าที่สืบทอดอุดมการณ์ทางการเมืองฝ่ายขวา และแค่พยายามโชว์ความเก่งเรื่องเศรษฐกิจให้ดูแตกต่างจากระบบประยุทธ์เท่านั้น
ต่อให้พยายามสรรหาคำพูดใดๆ มาแทนคำว่า #ตระบัดสัตย์ต่อประชาชน มันก็ลบล้างความเป็นจริงดังกล่าวไม่ได้
จนป่านนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ว่ารัฐบาลเพื่อไทยจะแก้ปัญหาการกดปราบประชาชนด้วย 112 อย่างไร การร่าง รธน.ใหม่ก็ยื้อเวลา (ตอนฟอร์มรัฐบาลบอกจะเร่งทำทันที) ผลงานแก้ปัญหาปากท้องก็ไม่มี
.....

เพจดังแฉ 'บิ๊กแดง' โผล่ดีลลับ 'ลังกาวี'

AMARINTV

Jul 17, 2023 

https://www.youtube.com/watch?v=1E_GvcucKGo


ิปิยบุตร ปลุกใจ สส. ก้าวไกล สู้มรสุมยุบพรรค เล่าประสบการณ์ ที่ถูกยุบพรรคมาแล้ว


ปลุกใจ สส. ก้าวไกล สู้มรสุมยุบพรรค

piyabutr classroom

Apr 17, 2024

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลเชิญผมไปบรรยายพิเศษให้ สส. เกี่ยวกับสถานการณ์การยุบพรรคที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ในฐานะที่ผมมีประสบการณ์ ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เคยเป็นเลขาธิการพรรค และเคยผ่านสถานการณ์ยุบพรรคมาแล้ว ผมได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันในหลายประเด็น นำมาสรุปสั้นๆในคลิปนี้ครับ

https://www.youtube.com/watch?v=CXIgnU4j9cs



#FIDH สหพันธ์สากลเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ การยุบพรรคและตัดสิทธินักการเมือง #พรรคก้าวไกล เป็นการละเมิดกม.ระหว่างปท. “การเสนอร่างกฎหมายเป็นกระบวนการที่ชอบธรรม เป็นเอกสิทธิของสส. ไม่ควรนำไปสู่การยุบพรรค”



Pipob Udomittipong
19h ·

#FIDH สหพันธ์สากลเพื่อสิทธิมนุษยชน เอ็นจีโออายุกว่าร้อยปี มีสมาชิกในกว่า 100 ปท. เห็นว่า การยุบพรรคและตัดสิทธินักการเมือง #พรรคก้าวไกล เป็นการละเมิดกม.ระหว่างปท. “การเสนอร่างกฎหมายเป็นกระบวนการที่ชอบธรรม เป็นเอกสิทธิของสส. ไม่ควรนำไปสู่การยุบพรรค” ประธาน #FIDH บอก
“การยุบพรรคก้าวไกลเท่ากับการตัดสิทธิทางการเมืองของคนเป็นล้าน ละเมิดต่อกม.สิทธิมนุษยชนระหว่างปท. รวมทั้งกติกา ICCPR ข้อ 19 สิทธิที่จะมีเสรีภาพด้านการแสดงออกม ข้อ 22 สิทธิที่จะมีเสรีภาพด้านการสมาคม และข้อ 25 สิทธิที่จะมีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะ และสิทธิที่จะได้รับเลือกตั้ง
ไทยเป็นรัฐภาคตีตามกติกา ICCPR ตั้งแต่ 37 ปีที่แล้ว https://www.fidh.org/.../thailand-looming-dissolution-of...




‘หมาแก่’ ตีปี๊บ “อมธ.จะเปลี่ยนเพลงประจำมหาวิทยาลัยเป็นมอญดูดาว” แทนเพลงพระราชนิพนธ์ ‘ยูงทอง’

ที่จริง เพลงมอญดูดาว ที่ หมาแก่ ให้ข่าวออกรายการ เจาะลึกทั่วไทย นั้นเป็นเรื่องเก่าที่ชาว มธ.ท่าพระจันทร์พูดกันมานานแล้ว ไม่ใช่ว่าเพิ่งเป็น “ประเด็นร้อน จะกระเพื่อมออกมานอกมหาวิทยาลัย” อย่างที่ ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ อ้าง

โดยที่เพจ Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว โพสต์ไว้เมื่อสองวันก่อน “หมาแก่ บอก อมธ.จะเปลี่ยนเพลงประจำมหาวิทยาลัยเป็นมอญดูดาว เพราะสะท้อนอุดมการณ์ก่อตั้งธรรมศาสตร์มากกว่า จากปัจจุบันเพลงประจำมหาวิทยาลัยคือเพลงยูงทอง”

เป็นการเคลื่อนไหวจากนักศึกษาอย่างเนิบๆ มานาน เนื่องมาจากเพลงมอญดูดาวนับว่าเป็นเพลงคู่กับสถานศึกษาแห่งนี้มาแต่โบราณกาล จนกระทั่งมีการนำเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาจัดตั้งเป็นเพลงประจำ

ทว่าทั้งศิษย์เก่าและนักศึกษามักจะขับร้องเพลงมอญดูดาวเป็นส่วนใหญ่ในงานเฉลิมฉลองต่างๆ เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย เพลงยูงทองจะถูกนำมาใช้ในงานที่เป็นพิธีรีตองทางการเป็นหลัก การจะหวนไปยอมรับว่าเพลงมอญดูดาวเป็นตัวแทน มธ.

จึงไม่จำเป็นต้องก่อเกิดแรงกระเพื่อมใดๆ

(https://www.facebook.com/FahroongS/posts/tdt9GyseUxg) 

นายกฯ ตัวจริงสั่งปรับ ครม. ไร้เงา “อุ๊งอิ๊ง” (เพราะระยะหลัง คะแนนนิยมน้อย ?)



นายกฯ ตัวจริงสั่งปรับ ครม. ถอดบทเรียน “ปู” ไร้เงา “อุ๊งอิ๊ง”

17 เม.ย. 67
Thai PBS

หลังเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ครั้งที่ 2 ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็มีเสียงสำทับถึงความชัดเจน เรื่องปรับคณะรัฐมนตรี ตามมาทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้ มีเสียงแข็ง ยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี

ความจริงคนในแวดวงจับสัญญาณได้ก่อนหน้านี้แล้ว และชัดเจนมาก ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เชียงใหม่ ทั้ง 14 เมษายน ที่นายทักษิณ ชินวัตร นัดพบปะสังสรรค์กินอาหารร่วมกับรัฐมนตรี แกนนำพรรค และ สส.เพื่อไทย ที่ไปกันพร้อมหน้าแทบจะยก ครม.ทั้งชุด กระทั่งเจ้าตัวพูดหยอกล้อแต่สะท้อนความจริงอยู่ในทีว่า “มาครบองค์แล้ว เปิดประชุม ครม.เลยดีไหม”

อีกวัน คือ 15 เม.ย. ที่ทั้งรัฐมนตรี สส. ข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่น เข้ารดน้ำดำหัวขอพรนายทักษิณ ที่บ้านกรีนวัลเลย์ อ.แม่ริม สะท้อนภาพผู้มากบารมีตัวจริง ขณะที่ผู้เข้าพบและขอพร ต่างหวังสะท้อนภาพการเป็นคนใกล้ชิด หรือคนวงใน และหวังการันตีตำแหน่งรัฐมนตรีจะไม่หลุด

ก่อนหน้านั้น เคยมีรายชื่อรัฐมนตรีหลายคน ปรากฏอยู่ในโผจะหลุดจากตำแหน่ง ด้วยเหตุเป็นรัฐมนตรีโลกลืม และอีกส่วนหนึ่งอยู่ในโผถึงเวลาต้องไป สลับให้คนอื่นมานั่งเป็นการตอบแทน

หลายคนร้อนตัวถึงขั้นพยายามประสานขอเข้าพบนายทักษิณ แต่ไม่ได้รับอนุญาต บางคนได้รับคำตอบให้ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไปก่อน สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ใช่อยากพบก็ได้พบทันที

รัฐมนตรีหลายคนที่มีอาการ “เสียวสันหลัง” ต้องพยายามวิ่งเข้าหา “นายน้อย” บ้าง หรือ “นายเก่า” ที่ยังลี้ภัยในต่างประเทศ แต่มีข่าวเตรียมกลับไทยเดือนตุลาคมปลายปีนี้ ทั้งนี้ต่างมุ่งหวังจะให้ช่วยฝากฝัง อย่าให้หลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรี และพยายามชักแม่น้ำทั้งห้า เป็นผลงานยืนยัน

แม้ก่อนหน้านี้ นักการเมือง ทั้ง สส. และรัฐมนตรี ต่างอยากเดินตามนายกฯ ผู้นำรัฐบาล เวลาลงพื้นที่หรือมีงานอีเวนต์ แต่ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา บุคคลที่ว่านี้ กลับไม่มีใครไปเดินตามนายเศรษฐาที่หัวหินสักคน จะมีบ้างก็แต่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ส่วนที่เหลือเกือบทั้ง ครม. สมัครใจไปเชียงใหม่พบนายทักษิณ

ประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งเรื่องปรับ ครม. หากฟังจากปากนายทักษิณ คือรัฐมนตรีชุดใหม่ “เศรษฐา ½ ” จะไม่มีชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อยู่ในรายชื่อ ให้เหตุผลว่า ขอทำงานพรรคอีกระยะหนึ่ง

ที่น่าสนใจคือ คำว่า ขอทำงานพรรคอีกระยะหนึ่งหมายถึงอะไร รอรัฐบาลเศรษฐา 1/3 หรือรอให้มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ยอมรับก่อน แล้วค่อยเข้าไปอยู่ใน ครม.เพื่อลดข้อครหา “เด็กเส้น”

หลังจากที่ผ่านมา “อุ๊งอิ๊ง” ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็เริ่มโกอินเตอร์แล้ว ทั้งร่วมประชุมระดับหัวหน้าพรรคการเมือง ระหว่างรัสเซียและกลุ่มประเทศอาเซียน และเพิ่งนำคนในพรรคเพื่อไทยไปพบปะหารือกับสมเด็จฮุนเซน และสมเด็จฮุน มาเน็ต กระชับมิตรไทย-กัมพชา

ขณะที่ในฐานะรองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ ก็มีส่วนขับเคลื่อนงานมหาสงกรานต์โลก 21 วัน ที่ทั้งแกนนำรัฐบาล และคนในพรรคเพื่อไทย ช่วยตีปี๊บโอ่ประสบความสำเร็จ คุ้มค่ากว่างบกลาง 104 ล้านบาท ที่ ครม.อนุมัติให้ หลังมีอดีต สส.โพสต์ถามหา น.ส.แพทองธาร ในฐานะผู้ผลักดันโครงการ แล้วไม่ปังอย่างที่โอ่ไว้

พูดถึงบทบาทของ น.ส.แพทองธาร ก็ต้องพูดถึงบทบาทของ “ปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย หลังใช้เวลาเปิดตัวเพียง 49 วัน โดยไม่เคยผ่านงานการเมืองมาก่อนเลย นำไปสู่ข้อจำกัดและกลายเป็นข้อด้อยที่ถูกล้อเลียน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านตามสคริปต์ “คอนกรีต” เป็นคอ-นก-รีต จ.หาดใหญ่ และประเทศซิดนีย์

เป็นบทเรียนจากการขึ้นลิฟต์ติดเทอร์โบ ทำให้พลาดพลั้งในเรื่องง่ายๆ จึงทำให้ต้องมีการเพาะบ่มความรู้ และสั่งสมประสบการณ์ก่อน สำหรับ “อุ๊งอิ๊ง” จึงรอได้ไม่ต้องรีบร้อน แบบช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม

แต่สุภาษิตไทยอีกบท คือน้ำขึ้นให้รีบตัก หรือตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ทำให้ผลโพลคะแนนนิยมทางการเมือง ของนิด้าโพล ครั้งที่ 66/1 “อุ๊งอิ๊ง” นำอันดับ 1 ชนะทุกคน ที่ 38.2 % และครั้งที่ 66/2 นำอันดับ 1 ชนะทุกคนที่ 35.7 % แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยเลือกนายเศรษฐาเป็นนายกฯ คะแนนนิยม “อุ๊งอิ๊ง” ครั้งที่ 66/4 เหลือเพียง 5.75 % และล่าสุด ครั้งที่ 67/1 คะแนนนิยมอยู่ที่ 6 % เท่านั้น แบบลงแล้วไม่ยอมเด้งกลับ

ทำให้ความหวังจะรื้อฟื้นคืนชีพ แต่ดีเหล็กตอนไม่ร้อน ไม่แน่ว่าจะทำได้จริงในทางปฏิบัติอย่างที่คาดหวังไว้ได้หรือไม่

อาจจะกลายเป็น “เข็นครกขึ้นภูเขา” อีกหนึ่งในสุภาษิตไทยก็เป็นได้

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา

https://www.thaipbs.or.th/news/content/339110


ทำห้างฯ ทำช็อปปิ้งมอลล์ ไม่ง่ายเลย! ภาพ GateWay เอกมัย ที่ตอนนี้ แทบจะร้างผู้คน! ร้านค้าภายใน ก็ปิดไปหลายร้าน! จนปิดไฟมืดตื๋ป! เป็นแบบนี้มาพักนึงแล้ว ไม่ต่างจาก GateWay ที่บางโพ ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกัน ก็เป็นแบบนี้! และแย่กว่านี้อีก นี่ขนาดเจ้าของ มีอำนาจทางการเงิน เป็นหมายเลข2 ของประเทศนี้นะ


Suvipan Pornawalai
19h·

เห็นคนแชร์ภาพ GateWay เอกมัย ที่ตอนนี้(ภาพแนบ)
แทบจะร้างผู้คน! ร้านค้าภายใน ก็ปิดไปหลายร้าน!
จนปิดไฟมืดตื๋ป! เป็นแบบนี้มาพักนึงแล้
ไม่ต่างจาก GateWay ที่บางโพ ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกัน ก็เป็นแบบนี้! และแย่กว่านี้อีก
นี่ขนาดเจ้าของ มีอำนาจทางการเงิน เป็นหมายเลข2 ของประเทศนี้นะ
ที่ดินแปลงยักษ์ทำเลทอง เกทเวย์เอกมัย ตรงข้ามวัดธาตุทอง มี bts-เอกมัย จ่อเกทเวย์แบบ 0 เมตร
มีความหลังกับเรามากๆ สมัยเราตอนเด็ก
เราเคยเล่าไว้แล้ว อย่างละเอียด เชิญฟัง
——————————————————————-
คุณหญิง เกิดพศ.2443 ในสมัยรัชกาลที่5 เกิดที่บ้านสุรวงศ์ ใกล้โรงแรมทรอคาเดโร่
บิดาคฺณหญิงเป็นชาวอิตาเลียน และทำธุรกิจในไทย
มารดาคุณหญิงเป็นชาวญวน ย่านสามเสน
บิดา-มารดา คุณหญิง มีบุตรธิดา 6 คน
ตอนคุณหญิงอายุ5ขวบ มารดาถึงแก่กรรม
บิดาชาวอิตาเลี่ยน เลยหอบเอาลูกทั้งหมด กลับไปฝรั่งเศส และให้ลูกๆไปเรียนต่อ ที่นั่น
จนเรียนจบ คุณหญิง ได้พบรัก กับทหารอาสาชาวไทย ที่ฝรั่งเศส ที่อาสา ไปร่วมรบสงครามโลกครั้งที่1 ที่นั่น!
คือ ร้อยเอกขำ รักกุศล
ร้อยเอกขำ เรียนแพทย์ที่ไทย จากโรงเรียน ราชแพทยาลัย ที่ร.5 ตั้งให้หมอฝรั่งมาสอน ในปีพศ.2452
จากนั้นก็ไปเรียนต่อ และฝึกงาน ในโรงพยาบาลที่อังกฤษ
ต่อมาพอมีสงครามโลกครั้งที่1 รัชกาลที่6 ประกาศให้ไทยเข้าร่วมสงครามโลก กับฝั่งสัมพันธมิตร
นายขำ ที่เรียนและฝึกงานแพทย์ที่ยุโรป จึงอาสาเป็นทหารเข้าร่วมรบด้วยในนาม ร้อยเอกขำ
พอสงครามสงบ! ทางการแต่งตั้งยศศักดินา ให้เป็นอำมาตย์ตรี และ ร้อยเอกขำ กลับมาไทย และรับราชการ ต่อในวงการแพทย์ทหาร จนมีหน้าที่เติบใหญ่
ร้อยเอกขำ รักกุศล สมรส กับ คุณหญิง ในปีพศ.2467
และไม่มีบุตรด้วยกัน!
และในรัชสมัยรัชกาลที่ 7 แต่งตั้งอำมาตย์ตรีขำ รักกุศล เป็นหลวงแพทย์โกศล ศักดินา600
ในบรรดาพี่น้อง 6 คนของคุณหญิง ก็ไม่มีใครมีทายาท!
มีน้องชายคุณหญิงคนเดียว ที่เป็นครูสอนที่โรงเรียนบพิตรพิมุข ที่มีลูกชาย
ก็เท่ากับ มีหลานชายเป็นทายาทตระกูลอยู่แค่ หลานชายคนเดียว ต่อมาหลานคนนี้ ก็ถึงแก่กรรมอีก
หลวงแพทย์โกศล รับราชการประจำกรมแพทย์ทหารบกมาโดยตลอด
และพอท่านอายุ53 ท่านได้ออกจากราชการ มาทำธุรกิจ นาเกลือ เพราะท่านเป็นคนสมุทรสาคร
ตรงบ้านเกิดนั้นมีแต่นาเกลือ และคุณหญิงก็มาช่วยธุรกิจด้วย
ช่วงนั้นชาวสมุทรสาคร รวมกลุ่มกันทำนาเกลือกันจนเป็นอุตสาหกรรมย่อมๆ
ก็จากการสร้างงานให้ชุมชน ของหลวงแพทย์โกศล
หลวงแพทย์โกศล และคุณหญิง เก็บแปลงที่ดินในกรุงเทพไว้จำนวนมาก
ต่อมา ปีพศ.2513 หลวงแพทย์โกศล ถึงแก่กรรม!
เหลือคุณหญิงคนเดียว
#และคุณหญิงก็ไม่มีบุตรธิดาอีก!
พี่น้องทุกคนก็จากไปหมดแล้ว หลานก็ไม่มี!
ช่วงบั้นปลายคุณหญิง ที่ไม่เหลือทายาทแล้ว!
จึงยกที่ดินให้สภากาชาดไทย
แปลงที่ดินที่โดดเด่น ขนาด 10 ไร่ คือแปลงที่ดินขนาดใหญ่ ตรงข้ามวัดธาตุทอง
ตอนคุณหญิง ยกที่ดินแปลงนี้ ให้สภากาชาดไทย ก็ประมาณปีพศ.2523 ก่อนคุณหญิงสิ้นบุญในวัย87
ตอนคุณหญิงสิ้นบุญนั้น ที่ดิน10ไร่ ทั้งแปลงนี้
ทางหลวงแพทย์โกศล และคุณหญิง เคยปลูกตึกแถวเรียงๆกันแน่น ติดขนานถนนสุขุมวิทยาวเหยียด และตรงกลางที่ดินเป็นโรงหนังเอกมัยรามา และตลาดสดเอกมัย
สมัยเราเด็กๆไปเดินเล่นบ่อยๆ
ยุคก่อนโรงหนังเอกมัยรามา จะเลิก! ฉายควบ3เรื่อง ไทย-จีน-ฝรั่ง ตีตั๋ว20บาท ดูจนหิว ก็เดินออกมากินเตี๋ยว พออิ่ม ก็เดินเข้าไปดูต่อ!
ชาวบ้านที่เช่าอยู่อาศัยและทำการค้าในตลาด ก็เป็นไปตามอายุสัญญาของสิทธิการเช่า เรื่อยมา!
(ปัจจุบันคือหน้าสถานี BTS เอกมัย)
โรงหนังเอกมัยรามา เนี่ยก็ของพวก พูลวรลักษณ์-เมเจอร์ มาเช่าที่ดินสร้างโรงหนัง
ยุคนี้! คุณเห็นคอนโดแพงๆ แน่นๆ ตรงย่านพระโขนง2ฝั่งมั๊ย?
คอนโด ทุกแท่ง! เป็นของเมเจอร์หมด! เพราะยุคนึง
แยกพระโขนง2ฝั่ง มีโรงหนัง 6 โรง
เป็นของพวก พูลวรลักษณ์ ทั้งหมด รวมถึงที่ดินโรงหนังด้วย เพราะตอนนั้น กลุ่มพูลวรลักษณ์ เป็นเจ้าแห่งธุรกิจสายหนัง เจ้าใหญ่
เช่นโรงหนังพระโขนงรามา ,พระโขนงเธียรเตอร์ , เอเซีย ,ฮอลิเดย์ ,ลอนดอน และโรงหนังเจ้าพระยา
ยุคนั้น! เราโดนมาแล้ว ครบทุกโรง!
เสารั้วบ้านพูลวรลักษณ์เนี่ย เราสร้างให้เค้าต้นนึงมั๊ง?555
กลับมาเรื่องแปลงที่ดินต่อ
ด้านหน้าถนนฝั่งซ้ายไปทาง รร.ศรีวิกรม์
คุณหญิงก็ซอยที่ดินแบ่งออกไปขนาด 1 ไร่ สร้างเป็นอาคารสีขาว3ชั้น สวยมากๆ ใครผ่านก็จะเห็น ติดริมถนน ก่อนไฟแดงเอกมัย
คุณหญิงมอบที่ดิน 1ไร่ ให้ "แพทย์สมาคมสตรีไทย" ไว้ใช้ช่วยเหลือสังคม และสมาคมฯ หาเงินมาปลูกสร้างเองภายในมีห้องพยาบาลรักษาขนาดเล็กด้วย
สร้างในปีพศ.2523 ตอนก่อสร้าง
ให้ หมอชัยยุทธ อิตัลไทย บิดาคุณเปรมชัย ยิงเสือดำ เขียนแบบ ให้ฟรี!
ให้ กลุ่มหวั่งหลี รับเหมาก่อสร้าง แบบไม่เอากำไร!
เสี่ยหนูรับเหมา ตอนนั้นยังเล่นเป่ากบ! กระโดดหนังยาง อยู่เลย!555
หมดเงินสร้างไปในยุคนั้น 3 ล้าน มีลิฟท์ด้วย และใหญ่ขนาดจัดประชุมได้200คน
ส่วนที่ดินแปลงใหญ่ ที่ติดกัน ขนาด9ไร่
ที่ติด แพทย์สมาคมสตรีไทย ยาวไปจรดไฟแดงกล้วยน้ำไท ก่อนแยกเอกมัย ตรงข้ามวัดธาตุทอง
แปลงนี้ในปีพศ.2552 สภากาชาดไทย ที่ได้รับการอุทิศมา
ได้ยกเลิกการต่อสัญญาสิทธิการเช่าจากผู้เช่าเดิม ตลาดร้านค้าทั้งหมด!
และเปิดประมูลแก่ผู้สนใจมาประมูลไปพัฒนาที่ดิน ทำการค้า ระยะสัญญาเช่า30ปี
มีคนดังๆ ตังค์เยอะๆ มาประมูลกันเต็มไปหมด!
คนที่ได้ไป! คือเจ้าสัวไทยเบฟฯ
และจึงสร้าง Gateway เอกมัย จนแล้วเสร็จเมื่อปี2556
ผ่านมาจนวันนี้ครบ 11ปี ห้างเจ้าสัว เริ่มร้าง!
แต่ไม่น่ามีผลต่อการทะยอยชำระค่าเช่า 30 ปี ให้สภากาชาดไทย เพราะแกแข็งแกร่งทางการเงินมาก
ทำห้างฯ ทำช็อปปิ้งมอลล์ ไม่ง่ายเลย!
และห้างของแกหลายแห่ง ทั้งพันธ์ทิพย์ประตูน้ำ-พันธ์ทิพย์งามวงศ์วาน , ตะวันนา1-2 , เกทเวย์เอกมัย เกทเวย์บางโพ
ก็หงอยแบบนี้ ทุกแห่ง!
เครดิตความใจบุญเรื่องนี้
: แด่ คุณหญิงลิเสต แพทย์โกศล
•คุณหญิงลิเสต ลาวาญิโน่ (นามสกุลบิดาชาวอิตาเลียน)
•รัชกาลที่6 ประทานนามสกุล ลวันยานนท์ (ลาวาญิโน่)
#ในวงการให้เกียรติเรียกคุณหญิงแพทย์โกศล
>ที่ดินแปลงอื่นๆของคุณหญิง เราไม่ขอเล่า!
เดี๋ยวเจ้าสัวฯ ได้ยินอีก!555<

เจอคนขี้สังเกตุ เค้าเห็นว่า (หลังๆเนี่ย) คุณคำผกา "ปากกว้างขึ้นเยอะ😂😂"


ชมคลิปที่ (https://twitter.com/skongki2000/status/1780612169647947996)
...
@born_must_die
1h
ปากกว้างขึ้นเยอะ 😂😂



 





 

 

หนังสือน่าอ่าน “ครองแผ่นดินโดยธรรม 🙂) อ่านประวัติศาสตร์ผ่านพระบรมราโชวาทและเครือข่ายในหลวง” (อาสา คำภา, 2567) - ชวนอ่าน ริวิว


Thanakorn Karisuk
Yesterday·

วิจารณ์ (รีวิว) หนังสือ “ครองแผ่นดินโดยธรรม ) อ่านประวัติศาสตร์ผ่านพระบรมราโชวาทและเครือข่ายในหลวง” (อาสา คำภา, 2567)

หลังจากได้เจอหนังสือเล่มล่าสุดของอาจารย์อาสา คำภา (ต่อไปขออนุญาตใช้ “อาสา” ตามที่ใช้ในงานวิชาการ) เมื่อวานนี้และอ่านจบทั้งเล่มภายในวันนี้ ผมก็เห็นว่าหนังสือเล่มนี้น่าสนใจพอควรและน่าจะเขียนรีวิวไว้สำหรับคนที่สนใจและยังไม่ได้อ่านเล่มจริง (เพราะหนังสือค่อนข้างใหม่และเชื่อว่ายังไม่ค่อยตีตลาดมากนัก) โดยที่ผมจะสรุปใจความสำคัญของหนังสือพร้อมกับแทรกความเห็นไว้ท้ายบทด้วย (ปีที่ใช้จะใช้ พ.ศ. ตามที่หนังสือใช้)

…ภาพรวมของหนังสือ…

อาสาอธิบายไว้ในคำนำของผู้เขียนว่า “ครองแผ่นดินโดยธรรม” เป็นเชิงอรรถภาคขยายของ “กว่าจะครองอำนาจนำ” ที่พิมพ์โดยฟ้าเดียวกัน จริง ๆ ผมก็อยากแนะนำว่า ในกรณีที่ยังไม่เคยอ่านเล่มใดเลย สามารถอ่านเล่มใดเล่มหนึ่งในสองเล่มนี้ก่อนก็ได้เพราะเชื่อมโยงกัน โดยที่งานทั้งสองมองสถาบันกษัตริย์ในแง่ที่มีพลวัตและตัวแสดงหลากหลายในเชิง “เครือข่าย” (Network, Network Monarchy) และอธิบายความเปลี่ยนแปลงของ “เครือข่าย” นั้นอย่างเป็น “ประวัติศาสตร์” และ “เป็นกลาง” (ตามคำนำเสนอของสายชล สัตยานุรักษ์)
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือรวมบทความ 5 เรื่อง ที่อาสาเขียนเผยแพร่ในวารสารและโอกาสหลายวาระ โดยชื่อแต่ละบทคือ

— บทที่ 1 ก่อนจะครองอำนาจนำ : การสละราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

— บทที่ 2 ปฐมบทของ “เครือข่ายในหลวง” : การก่อรูปและพัฒนาการ

— บทที่ 3 ทัศนะชนชั้นนำไทยต่อ “จีนแดง” : ก่อน 6 ตุลาคม 2519

— บทที่ 4 ราชสำนักกับ “พระป่าธรรมยุตอีสาน” : การประกอบสร้างอัตลักษณ์ทางประวัติศาสตร์

— บทที่ 5 ครองแผ่นดินโดยธรรม : มองสังคมการเมือง “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ผ่านพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท

อย่างไรก็ตามผมเห็นว่า ผู้อ่านสามารถอ่านบทใดบทหนึ่งแยกตามความสนใจได้ เนื่องจากแต่ละบทไม่ได้เชื่อมโยงด้านเนื้อหาอย่างมีนัยสำคัญ แต่เชื่อมโยงผ่านบริบท (ที่วิพากษ์สถาบันกษัตริย์และเครือข่าย)

…บทวิจารณ์หนังสือ…

บทที่ 1 ก่อนจะครองอำนาจนำ : การสละราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
บทนี้เป็นการปูพื้นฐานปัญหาทางการเมืองไทยระยะแรกเริ่มหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง กล่าวคือ อาสาต้องการนำเสนอแง่มุมใหม่ของการตีความการสละราชสมบัติของร.7 ผ่านความขัดแย้งระหว่าง ร.7 และรัฐบาลคณะราษฎร ตั้งแต่ความไม่พอใจของร.7 ต่อประกาศคณะราษฎรที่ด่าราชวงศ์อย่างรุนแรง, การประนีประนอมและขับเคี่ยวทางอำนาจระหว่างระบอบเดิมกับระบอบใหม่ ผ่านนายกรัฐมนตรีคนกลางอย่างพระยามโนปกรณ์ฯ, ปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับที่ประกาศใช้ในปี 2475, กบฏบวรเดช, ไปจนถึงการต่อรองหรือต่อสู้เพื่อกู้คืนหรือจำกัดพระราชอำนาจของกษัตริย์ระหว่างร.7 กับคณะราษฎร ซึ่งท้ายที่สุด ความขัดแย้งทุกอย่างจบลงด้วยการสละราชสมบัติของร.7 และอาสาชี้ให้เห็นว่า การสละราชสมบัติไม่ใช่การยอมสละอำนาจของกษัตริยแก่ราษฎร แต่เป็นความพ่ายแพ้ในการต่อรองทางอำนาจที่ยาวนานนี้

: สำหรับผมแล้ว บทนี้อ่านค่อนข้างสนุกเพราะมีการแทรกข้อความจากเอกสารชั้นต้นไว้เยอะ สามารถทำให้เห็นบริบทได้อย่างเด่นชัดและกว้างขวาง

บทที่ 2 ปฐมบทของ “เครือข่ายในหลวง” : การก่อรูปและพัฒนาการ
บทนี้อธิบายการก่อตัวของเครือข่ายในหลวงที่ตัวแสดงหลาย ๆ คนโดยรอบองค์กษัตริย์ได้มารวมกลุ่มกันเพื่อการต่อรองทางอำนาจ ใจความสำคัญอยู่ที่การก่อตัวของเครือข่ายนี้ตั้งแต่การขึ้นมาของยุวกษัตริย์หลังการสละราชสมบัติของร.7 – หลังทศวรรษ 2500 ก่อน 14 ตุลาคม 2516 ผ่านการสร้างเครือข่ายตั้งแต่เจ้านายเชื้อพระวงศ์ ข้าราชการการเมืองสายกษัตริย์นิยม กองทัพ นักธุรกิจ นักศึกษา ประชาชน หรือที่เรียกได้ว่าทุกภาคส่วนในสังคม โดยที่ทั้งหมดต่างเข้ามาสัมพันธ์กับสถาบันกษัตริย์ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ทางการเมืองและสังคม นับตั้งแต่พิธีการในราชสำนัก การแต่งงานในหมู่ราชวงศ์ งานสังสรรค์ของชนชั้นนำ การสาธารณประโยชน์เพื่อคนยากไร้ กิจกรรมภายในมหาวิทยาลัย กิจกรรมทางศาสนา และการถวายเงินเพื่อโดยเสด็จพระราชกุศล

: บทนี้น่าสนใจที่ให้ภาพการสร้างและขยายเครือข่ายในหลวงในลักษณะกว้าง ๆ และทำความเข้าใจได้ง่ายกว่าในหนังสือ “กว่าจะครองอำนาจนำ” ซึ่งเป็นหนังสือที่ปรับมาจากวิทยานิพนธ์ สามารถอ่านเพื่อเป็นการปูพื้นฐานได้เป็นอย่างดี

บทที่ 3 ทัศนะชนชั้นนำไทยต่อ “จีนแดง” : ก่อน 6 ตุลาคม 2519
บทนี้นำเสนอความเปลี่ยนแปลงเชิงทัศนะของชนชั้นนำไทย (โดยเฉพาะรัฐและกองทัพ) ต่อจีนแดงหรือสาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 โดยอธิบายภาพความกลัวคอมมิวนิสต์จีนตั้งแต่อดีต - ต้นทศวรรษ 2490 ของชนชั้นนำไทย, ทัศนะที่เปลี่ยนแปลงไปของชนชั้นนำไทยต่อจีนคอมมิวนิสต์, การพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์กับจีนคอมมิวนิสต์เพื่อป้องกันคอมมิวนิสต์สายโซเวียต, การเปิดทางเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนในระยะต่าง ๆ - ปี 2518, ความอิหลักอิเหลื่อของตัวแสดงที่เคยประณามจีนคอมมิวนิสต์แต่ต้องหันกลับมาจับมือกัน, ปัญหาความสัมพันธ์ที่ชะงักไปในช่วงปี 2519 และการแสดงท่าทีบางอย่างของราชสำนักไทยต่อรัฐบาลจีน

: ถ้าบทความของผมเกี่ยวกับทิเบตได้ตีพิมพ์แล้วเอามาอ่านประกอบกัน ผมเชื่อว่าเข้ากันได้และสามารถอธิบายกันและกันได้ดีพอสมควร

บทที่ 4 ราชสำนักกับ “พระป่าธรรมยุตอีสาน” : การประกอบสร้างอัตลักษณ์ทางประวัติศาสตร์
บทนี้อธิบายภาพความสัมพันธ์ระหว่างพระป่าอีสานกับราชสำนักที่เหมือนจะห่างไกลแต่ก็ใกล้ชิด อาสาปูพื้นฐานความสัมพันธ์นี้ตั้งแต่ลักษณะของวัตรปฏิบัติในพระสงฆ์อีสานก่อนการเข้ามาของธรรมยุต, การที่พระอีสานเข้าเป็นศิษย์ของร.4 ขณะทรงผนวช, เรื่อยมาจนถึงการสร้างเครือข่ายวัดธรรมยุตในอีสาน, ลักษณะพระสงฆ์ธรรมยุตสายหลวงปู่มั่น, ความสัมพันธ์ระหว่างพระธรรมยุตหรือพระป่าในอีสานกับชุมชนท้องถิ่น ซึ่งต่อมาจะแปรเปลี่ยนไปสัมพันธ์กับคนเมืองมากขึ้น, และกล่าวถึงความสัมพันธ์ของราชสำนักและพระป่าอีสานในช่วงสงครามเย็น – ไม่กี่สิบปีมานี้

: บทนี้น่าอ่านเพราะมีเรื่องอีสาน (ฮา) หรืออย่างน้อยก็สามารถอธิบายสรรพสาระของพระป่าอีสานได้โดยที่เข้าใจง่ายกว่าอ่านจากหนังสือที่พระเหล่านั้นเขียนเอง

บทที่ 5 ครองแผ่นดินโดยธรรม : มองสังคมการเมือง “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ผ่านพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท
บทสุดท้ายนี้เป็นการวิเคราะห์พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทของร.9 ที่กล่าวในโอกาสต่าง ๆ โดยเฉพาะวาระวันเฉลิมพระชนมพรรษา (งานชุมนุมของข้าราชการที่สวนจิตรลดาในวันที่ 4 ธันวาคมของทุกปี) ในแง่ “ธรรมวิทยาแห่งพลเมือง” หรือคำสอนที่พลเมืองต้องปฏิบัติตาม ผมอ่านบทนี้และเข้าใจว่าอาสาพยายามเสนอภาพพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทในฐานะเครื่องชี้นำสังคม โดยบทนี้อธิบายสารจากกษัตริย์เชิงหน้าที่นิยมที่เน้นให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีซึ่งจะส่งผลดีต่อชาติด้วย รวมทั้งวิพากษ์สารดังกล่าวในฐานะสารที่ต้องการวิพากษ์สังคมโดยผู้พูด (ร.9) และความคาดหวังของพระองค์ต่อสังคมไทย

: บทนี้ผมอ่านแล้วยังไม่สามารถจับใจความได้ดีเท่าที่ควร เพราะเต็มไปด้วยการโควทคำพูดและมีการวิเคราะห์เชิงแนวคิดซึ่งผมไม่ถนัด แต่มีข้อดีในแง่ที่สามารถทำให้เห็นภาพพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทที่หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือ “คำสอน” เฉย ๆ

โดยรวมแล้วผมมองว่าหนังสือเล่มนี้มีประโยชน์อย่างมากต่อการทำความเข้าใจสถาบันกษัตริย์และเครือข่าย เพราะอย่างที่เข้าใจกัน การกล่าวถึงสถาบันกษัตริย์ในเชิงวิพากษ์ (เชิงวิชาการ) เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักในวงวิชาการไทย (หรือสังคมไทย) และคนไทยก็ไม่ค่อยรู้แง่มุมที่หลากหลายของสถาบันที่ตนเองบอกว่า “เคารพสักการะ” เท่าไหร่นัก
ผมอยากแนะนำให้ทุกท่านซื้อมาอ่าน เพราะโพสต์นี้ของผมคงไม่สามารถทำให้ท่านเข้าใจหนังสือเล่มนี้ได้เท่ากับการอ่านของท่านเอง และเอาเข้าจริงผมก็ไม่แน่ใจนักว่าที่ผมวิจารณ์ไว้นี้ ผมเองได้สรุปข้อเสนอไว้อย่างถูกต้องจริง ๆ หรือเปล่า


งานมหาสงกรานต์ที่จัดที่ท้องสนามหลวง ที่คนบอกว่า"ปัง ทำถึง" น่าชื่นชม แต่ หลายเรื่อง ... there's room for improvement


เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร - Taopiphop Limjittrakorn
1h ·

[ Review งานมหาสงกรานต์สนามหลวง ]
.
ผ่านไปแล้วกับเทศกาลสงกรานต์ ก็ถึงเวลาที่ทำงานต่อจริง ๆ ผมอยากเขียนโพสต์นี้ตั้งแต่เช้าวันที่ 15 เมษายน แต่ก็เอาหล่ะไม่อยากให้เสียบรรยากาศในการเฉลิมฉลอง
.
พวกผมเองอยากเขียนโพสต์เกี่ยวกับงานมหาสงกรานต์ที่จัดที่ท้องสนามหลวง ที่คนบอกว่า"ปัง ทำถึง" ผมเองได้ไปในวันที่ 14 เมษายน ใจหนึ่งในฐานะประชาชนธรรมดาที่อยากไปสนุก ก็ต้องขอชื่นชมในหลายส่วนอาทิเช่น การขออนุญาตใช้สนามหลวงให้ราษฎรได้ใช้ประโยชน์อีกครั้ง เป็นบรรยากาศที่ดีมากและหวังว่าจะได้ใช้ในกิจกรรมของราษฎรอื่น ๆ อีก ,การยอมรับดนตรีสากล อินดี้ และEDM อีกทั้งวัฒนธรรมร่วมสมัยอื่น ๆ ไม่ใช่แค่วัฒนธรรมไทยเดิม มีกิจกรรมให้ทุกเพศทุกวัย ให้มีพื้นที่ในท้องสนามหลวง ถือว่าคอนเซปดี เห็นความตั้งใจให้ผ่านครับ
.
ไปอีกในหนึ่งผมเองก็ไปงานนั้น ด้วยฐานะส.ส.ฝ่ายค้าน ที่ติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณ และโครงการนี้ก็เป็นการทำงานที่ต่อเนื่องจากสิ่งที่ผมได้อภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 ไปก่อนปิดสมัยประชุม
.
โครงการนี้ใช้งบกลางกว่า 104.872 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการ Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 นั้นแบ่งเป็น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จำนวน 72.872 ล้านบาท และสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยจำนวน 32 ล้านบาท
.
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นแม่งานร่วมกับคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติที่จะมาออกบูธโชว์ของของเเต่ละอนุกรรมการสาขาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ทั้ง 10 อนุร่วมกันจัดงาน
.
ซึ่งต้องฝากสำนักงบมาชี้แจงว่าการใช้งบกลางตามโครงการนี้ถูกหลักหรือ เพราะตามหลักการการใช้งบกลางต้องเร่งด่วน และฉุกเฉิน อันนี้เร่งด่วนอาจจะจริง แต่ฉุกเฉินนี้คืออะไรครับ ความนิยมของรัฐบาลหรอที่อยู่ขั้นวิกฤตฉุกเฉิน?
.
ททท. จัดซื้อจัดจ้างเป็น 3 โครงการ
ผมขอวิจารณ์เป็นโครงการไปนะครับ
1. โครงการ "โครงการประชาสัมพันธ์การจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567
รหัสแผนจัดซื้อจัดจ้าง P67030015271 โดยกองเผยแพร่โฆษณาต่างประเทศ
งบประมาณโครงการ 37,800,000 บาท
.
งบส่วนนี้น่าจะเป็นงบประชาสัมพันธ์ก่อนวันงาน
ซึ่งผมก็งงว่าไปประชาสัมพันธ์ใครตอนไหน ป้ายเป้ย บิลบอร์ดท้องถนนไม่มี ยิงแอดก็ไม่เห็นเจอ ถ้าบอกว่าไม่ได้โฆษณาคนไทยก็คงใช่ แต่ถามจริงประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ อืม..
ตามสถิติก็บอกครับคนที่มางานนี้ส่วนใหญ่คนไทย มันคุ้มค่าหรือไม่ การใช้งบประมาณตำน้ำพริกละลายแม่น้ำถึง 37 ล้านแบบนี้เลิกเถอะครับ การโฆษณานี้ก็จ้างเอเจนซี่ เพื่อนใครเปล่าอีกก็ไม่รู้ เสี่ยงต่อการคอรัปชั่นอย่างยิ่ง
.
2. โครงการ Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567
รหัสแผนจัดซื้อจัดจ้าง P67030010213 โดยกองสร้างสรรค์กิจกรรม
งบประมาณโครงการ 93,965,500 บาท
.
งบจัดงานตามสูตรททท.จะไปจัดจ้างออกาไนซ์เซอร์มาจัดการ
.
โดยรายละเอียดงานผมคิดว่ารีบทำ และคิดมาไม่ใช่ไม่ดี แต่ก็ไม่ถี่ถ้วน ผมเรียกว่า งานผี งานเผา งานแฟรงเกนสไตน์
"งานผี"คืออยู่ดี ๆ ผีบอกให้คิดจัด มาจากนายกคนไหนก็ไม่รู้ดำริขึ้น
"งานเผา" คือรีบระยะเวลากระชันชิด เวลาเตรียมงานน้อย มาของบตอน 20 กพ.
"งานแฟรงเกนสไตน์" คือพอรีบเลยเอางานที่เคยทำ เอาคนที่เคยใช้มารวม ๆกัน ประกอบร่างเป็นแฟรงเกนสไตน์มาตัวนึง มองเป็นบางส่วนเหมือนคน แต่บางส่วนเหมือนสัตว์ประหลาดไม่ละเมียด
.
ขอชื่นชมก่อนครับหลาย ๆอันดีมากครับ นอกจากโซนดนตรีที่ให้โอกาสทุกแนวเพลง ผมประทับใจโซนวาดระบายสีโขนที่มีพี่ช่างจากสมุทรสาครมาตั้งบูธนี้เห็นนักท่องเที่ยวไปวาดกันน่ารักมากครับ มีกิจกรรมทุกเพศทุกวัยดีครับ
.
โดรนแปลอักษรก็พอได้ครับ แต่ผมก็งงใกล้เขตวัง มันบินโดรนได้เเล้วหรอ บินกันทำคอนเทนต์กันตลอดยังกะยุง รับประกันงานนี้ภาพสวยวีดีโดเเจ่มเต็มต๊อก ๆเเน่นอนครับ
.
ขบวนรถเเห่ผมว่าไอเดียดีเข้าใจกะทำให้เหมือนงานCarnival แบบBrazil รถแห่เเต่ละคันของแต่ละจังหวัดสร้างสรรค์ดีครับ เสียอย่างเดียวแห่เสร็จทั้งทีน่าจะมาจอดเป็นระเบียบให้คนมาถ่ายรูปหน่อย อันนี้จอดเบียดไม่สนใจ คนเดินหาเอาเอง หรือนี้ถ้าเป็นกิจกรรมเขาวงกต ผมเข้าใจผิดก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย
.
ตามตรงครับ โซนอาหารก็คือเป็นงานOTOP เดิม ๆ ของดีสี่ภาคที่จัดไปทุกที่ตั้งเเต่ ศูนย์ราชการ จนศูนย์ประชุมสิริกิตติ์ แตกต่างคือ ขนาดที่เล็กลงเพราะคงไม่สะดวกเดินทางกัน และติดป้ายว่า" Soft Powerอาหาร "
.
โซนเล่นน้ำก็น้อย มีอุโมงค์น้ำอยู่ 2 แห่ง มีสระยางงานกาชาดให้เด็ก ๆได้เล่น คนได้พอเปียกอยู่ สระเดียว ใครโชคร้ายมาไวหน่อยสักสี่โมง ก็จะเห็นภาพหน้าเวทนาต้องไปหลบเเดดกันตามพร๊อพ ตามบูธเพราะที่หลบเเดดน้อยเหลือเกิน อาจจะต้องระวังHeat Stroke
.
เรื่องห้องน้ำก็อีกเรื่อง
จริงอยู่มีรถสุขากทม.ให้บริการ ตอนเเรกคนมาไม่เยอะคิวไม่ยาว แต่พอดึก ๆ คนเยอะ ๆ ห้องน้ำนับดูแล้วไม่ถึงสิบคัน กับคนเป็นแสน แถมมีรถสุขาบางคันเจ๊งอีก ผมบอกเลยว่าวิกฤตจริง ๆครับ ยิ่งตอนค่ำตัวเปียก หนาวด้วย อันนี้ต้องคำนวนคน จริงจังครับ เรื่องความปลอดภัยกับฝูงชนขนาดนี้ ก็เป็นเรื่องที่ผมสงสัย การรักษาความปลอดภัยได้เห็นพี่ ๆตำรวจ คฝ. มาประจำการต้องขอบคุณที่เสียสละ มีการซุ้มประตูตรวจโลหะสไตล์รถไฟฟ้า ซึ่งก็ไม่มีตรวจอะไรจริงจังตามสูตร เเต่เข้าใจอาจจะเข้าใจว่ามีข่าวกรองกอรมน.เจ๋งมากหรือไงเลยไม่เน้น
.
เรื่องช่องทางเข้าออก แออัดมาก คนล้นมาบนถนนใหญ่ จะเปิดเพิ่ม หรือเปิดหมดก็ลองตรองดูครับ
3.โครงการ กิจกรรมอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ประเทศไทย ในงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567
รหัสแผนจัดซื้อจัดจ้าง P67030012587 โดยกองวางแผนลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
งบประมาณโครงการ 30,000,000 บาท
.
โครงการโชว์เคสออกบูธโปรโมทอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 10 สาขา
.
บูธที่ผมเอ๊ะสุดครับ บูธSoft Power หนังสือ ผมเดินเข้าไปคิดว่าน่าจะมาเเนะนำหนังสือนิยายไทยที่มีท้องเรื่องวันสงกรานต์เป็นฉากหลังมาเเนะนำนักท่องเที่ยว และคนไทยเเน่ ๆ คนอ่านเเล้วจะได้อยากมาเที่ยวไรงี้
เเต่เปล่าครับ มาจัดบอร์ดเล่าความเป็นมาวันสงกรานต์อยู่บูธนึง งบประมาณไม่ถึง 3 ล้านเเน่ ๆ ไม่เป็นไรเนื้อหาใจความดีครับ เสียอย่างเดียวมีเเต่ภาษาไทย ไม่มีภาษาอังกฤษแปลเลย... ใช่ครับ ผมเดินวนไปข้างหลังแล้วครับกะว่ามีแน่แต่ไม่มี เอ้าจะขายต่างชาติไม่ใช่หรอครับ...
.
บูธSoft Power สาขาการท่องเที่ยว ( สาขาที่ผมงงว่ามีในอนุกรรมการทำไม ) ก็มีจัดก่อปราสาททราย ตอบคำถามแจกรางวัล จริง ๆอาจจะโปรโมทหรือจำลอง ประเพณีสงกรานต์ตามภูมิภาคต่าง ๆของไทยก็ได้ครับ เผื่อปีหน้าฝรั่งแยกไปลองเที่ยวครับ
.
[ ขอเสนอแนะในการจัดงานปีหน้า ]
งานมหาสงกรานต์ ที่รัฐบาล และหน่วยราชการ ตั้งเป้าไว้ บนโจทย์ softpower ที่จะ แผ่อิทธิพล ความหลงใหล สินค้าและบริการของไทย สู่นักท่องเที่ยว จึงขาดวิ่น และยังไม่สมบูรณ์ เพราะขาดการตีโจทย์ ว่า จะขายอะไรให้ประทับใจนักท่องเที่ยว
ยกตัวอย่าง ง่ายๆ ที่เป็นข้อเสนอแนะ คือ
1. หยุดใช้งบกลาง
งบประมาณ Soft Power ควร ถูกตั้งเป็นงบของแผนงบบูรณาการ เพื่อเห็นทิศทาง การส่งเสริม และการพัฒนา ที่ไม่ซ้ำซ้อนระหว่าง หน่วยราชการ
2.Service Design
การออกแบบบริการ เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้ นักท่องเที่ยว มีความสะดวก ปลอดภัยในเทศกาล การออกแบบบริการ ทั้งในการเดินทางสัญจร ระบบป้าย 2-3 ภาษา การเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้าร้านอาหาร ระบบห้องน้ำ ระบบห้องปฐมพยาบาล บริการแจ้งความ บูธของหาย และบุคคลพลัดหลง ต้องพร้อม
กระบวนการออกแบบบริการ เป็นสิ่งที่ต้องวางแผนล่วงหน้า เพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งถ้าหากเราต้องการจะ "ปลุกปั้น" มหาสงกรานต์ ให้เป็นเทศกาลระดับโลก การออกแบบบริการพื้นฐานเป็นสิ่งที่ต้องลงทุน และแน่นอนว่า สามารถ นำ knowhow นี้ ไปขยายยังการจัดเทศกาลในจังหวัดอื่นๆ ให้มีมาตรฐานการดูแลนักท่องเที่ยวได้อย่างเหมาะสม
.
ผมเชื่อว่าปีหน้าเราจะมีเทศกาลมหาสงกรานต์ที่เป็นที่ 1 จริง ๆอย่างทุกคนตั้งใจครับ