วันจันทร์, กันยายน 18, 2560

‘มุขแป้ก’ ของพิชัย รัตตกุล มาสู่ 'จุดไฟในสายลม' ของวรเจตน์ ภาคีรัตน์

ทางสวย ของพิชัย รัตตกุล ที่เสนอตั้ง รัฐบาลแห่งชาติ ให้ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย และภูมิใจไทย ร่วมกับทหาร ไม่ใช่ซูเอี๋ย ไม่ต้องเกี๊ยเซี้ย แค่ทำงานร่วมกันเพื่อการปรองดองนั้น

มีอันเป็น มุขแป้ก ไปแล้ว ตามคำของ จรัญ พงษ์จีน แห่ง มติชนสุดสัปดาห์

แม้นว่า ปู่โสมทางด้านเนติบริกร มีชัย ฤชุพันธุ์ แบะท่าให้ท้ายไว้แล้วว่า “ไม่คิดว่าจะมีตัวบทใดๆ ในรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ กีดกันไม่ให้ทำอย่างนั้น

ก็ต้องลงเลือกตั้งเสียก่อน เสร็จแล้วพรรคการเมืองก็ไปคุยกันเอา”


เนื่องเพราะประชาธิปัตย์บอกว่าไม่สน “ตราบใดที่ระบบทักษิณยังครอบงำพรรคเพื่อไทย” ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองยืนยันหนักแน่นไม่คิดผสมพันธุ์ ตั้งหน้าชิงเลือกตั้งก่อน สูตรอื่นอย่าพูดถึง

ด้านภูมิใจไทยของเสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกิจ เปิดไต๋ไว้นานแล้วว่า ขอร่วมรัฐบาลอย่างเดียว เป็น เยสแมน ไม่ชอบค้าน ดังนั้นใครจะตั้งรัฐบาลขอให้มาทาบทาม รับหมด

ปัญหาอยู่ที่ คสช. ทำท่าจะยืดเวลา ถ่างขาออกไปอีกด้วยการสับไพ่ จัดกระบวน “ยกเครื่องคณะรัฐมนตรี จูนโมเมนตัมใหม่ เชิญคนนอกที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางมาร่วมวงไพบูลย์ กึ่งๆ รัฐบาลแห่งชาติ” จรัญ เขาว่างั้น


บังเอิญคล้องจองกับท่าทางของโฆษกกระทรวงกลาโหม ที่ออกมาปฏิเสธ ข่าวลือเรื่องพี่โต คสช. ดอดไปคุยกับต้นตอ ระบบที่พวกคนดีห้อยนกหวีดนักปฏิรูป โดยเฉพาะที่อยู่ใน สนช. สปท. ซึ่งจรัญเรียกว่า “ตีนตุ๊กแก สวมบทไอ้ห้อย ไอ้โหน” ตั้งหน้า ชิงชัง กันนักกันหนา

พล.ต.คงชีพ ตันตระวณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่า “เลิกเพ้อฝัน” เรื่องพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้พบปะอย่างลับๆ กับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ขณะไปราชการที่ประเทศอังกฤษ (ระหว่างวันที่ ๑๑ ถึง ๑๕ สิงหาคม) ได้แล้ว

“การไปเยือนอังกฤษของ พล.อ.ประวิตร ในช่วงเวลาเดียวกับที่ทักษิณอยู่ที่นั่น (ตามภาพอินสตาแกรมของพิณทองทา ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ) ไม่ได้หมายความว่าทั้งสองจะต้องพบกัน” หรือเกิดการ “ดีล” ทางการเมืองขึ้น


มันจึงมาลงที่อนาคตการเมืองอันริบหรี่รำไร ในทางประชาธิปไตยแบบ คสช. คุมยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนี้ ถ้ามีเลือกตั้งปลายปี ๖๑ ย่อมไม่มีพรรคการเมืองใดจัดตั้งรัฐบาลเองได้

โดยที่พรรคประชาธิปัตย์ที่มีนักการเมืองในสังกัด กปปส. อยู่มากพอ สามารถดันให้เข้าไปร่วมรัฐบาลกับพรรคทหารและภูมิใจไทยได้ เพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หัวโจก กปปส. นั่งยันเอาไว้แล้วว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาเป็นนายกฯ ต่อ

ทางด้านประชากรที่มีใจให้แก่พรรคเพื่อไทยล่ะ (ไม่ว่าจะเป็นแค่ติ่งชินวัตร หรือแฟนพันธุ์แท้ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ) จะเอาอย่างไรในตอนนี้ ตั้งตารอจนกว่าวันหนึ่งเมื่อ ฟ้าทองผ่องอำไพจะได้เห็นรัฐบาลในอุดมการณ์ของตนเกิดขึ้น ละหรือ

อาจไม่ถึง ๒๐ ปี ถ้าแค่สิบปีล่ะ (เมื่อ คสช.รุ่นพี่ๆ หมดอายุขัย) จะรอไหวไหม หมายถึงยังมีอายุขัยให้รอได้น่ะนะ

เลยชวนให้คำนึงในถ้อยคำให้สัมภาษณ์เดอะสแตนดาร์ด ของ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ นักกฎหมายมหาชนผู้ร่วมกระตุ้นการตื่นตัวต่อความถูกต้องและเป็นธรรมของกฎหมายไทย ผ่านทาง คณะนิติราษฎร์


ถ้ากฎเกณฑ์ในทางกฎหมายนั้นมันขัดต่อสำนึก ความยุติธรรม หรือการอยู่ร่วมกันในสังคม เราควรจะนับว่ามันเป็นกฎหมายไหม” อจ.วรเจตน์กล่าวถึงมิติในทางกฎหมายหลายอย่าง “ที่มันเป็นอยู่จริงๆ” ในเวลานี้

บางทีมันอาจจะไม่ใช่ กฎหมาย ก็ได้ มันอาจจะเป็น กดหัว ก็ได้” หากถามว่า “อำนาจที่มันกดอยู่นี้มันจะแข็งไปได้อีกนานแค่ไหน กดไปได้ขนาดไหน

หนึ่งในเจ็ดสมาชิกนิติราษฎร์ที่เก็บตัวมาเป็นปี เนื่องจากลาพักจากการสอนเพื่อไปค้นคว้าและเขียนหนังสือ ตอบว่า “ไม่ทราบ” ทว่าตั้งแง่สงสัยว่า “มันฝืนกับความเป็นไปในทางประวัติศาสตร์ของโลกอยู่

ถ้าเขาไม่คลายหรือเดินในทิศทางที่สวน มันก็จะห่างออกไปเรื่อยๆ ความขัดแย้งมันก็จะมีมากขึ้น...ลึกลงไปเรื่อยๆ...พอถึงจุดหนึ่งก็ต้องเปลี่ยน ผมไม่เชื่อว่าสังคมไทยจะอยู่อย่างนี้ตลอดไปได้

และพูดจริงๆ ผมไม่คิดว่าการปฏิรูปแบบที่ทำอยู่ในตอนนี้จะประสบความสำเร็จ...ผมก็กล้าวางเดิมพันว่ามันจะไม่สำเร็จ แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะพนันขันต่อกันอย่างไร เอาเป็นว่าผมเดิมพันด้วยวิถีชีวิตของผมดีกว่า ว่าผมคิดว่าไม่สำเร็จ และผมไม่เดินไปตรงนั้น

ถ้าจะนำแนวคิดของ ดร.วรเจตน์ มาใช้เสริมพลังให้กับการเดินหน้าไขว่หาประชาธิปไตยแท้จริงและนิติธรรมสากล สิ่งซึ่งพึงทำในเวลานี้น่าจะเป็นการ “จุดไฟในสายลม” เช่นที่ อจ.วรเจตน์เอ่ยถึง

มันอาจจะยากแต่เราก็ยังจะจุดมัน ถ้ามันดับเราก็จุดใหม่จนกว่ามันจะติด...แน่นอนคุณต้องเปียก คุณอาจไม่สบาย คุณต้องพัก แต่พักนี่ไม่ได้หมายความว่าคุณหยุด พอคุณหายดีแล้วคุณก็กลับมาจุดมันใหม่...

แต่เมื่อวันหนึ่ง พอคนมารวมตัวกัน เมื่อมันมากพอ คุณก็อาจจะจุดมันได้สำเร็จ