วันเสาร์, กรกฎาคม 01, 2560

"มันชี้ให้เห็นธาตุแท้ของเอ็นจีโอไทย...คบไม่ได้"

แผ่นดินจึงดาลเดือดละสิ เมื่อทั้ง ภัควดี วีระภาสพงษ์ และ Atukkit Sawangsuk ร่วมกัน อัด เอ็นจีโอพวกสนับสนุน ป้อปคอร์นและ แก้บัตรทองที่ไปสุมหัวกัน “ด่ากระแนะกระแหน” อจ.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี 

จนบัดนี้เพจเฟชบุ๊คของ ประยงค์ ดอกลำไย ปิดไปแระ

จะเป็นด้วย ‘sonดาน หรือทัศนคติ “ยกตนเป็นทางหลัก” หรือแค่ชอบ “ใช้คำพูด bully (ก้าวร้าว) คนอื่น” ก็ตามแต่ มันชี้ให้เห็นธาตุแท้ของเอ็นจีโอไทย (ส่วนใหญ่นะ ไม่ใช่ส่วนน้อย) อย่างที่อธึกกิตซัดเต็มเหวี่ยงว่า “คบไม่ได้”

มันเกิดจากการที่ประยงค์เริ่มกระแนะกระแหนว่า “ผมเป็นเอ็นจีโอมา ๓๐ ปี เพิ่งรู้ว่าเอ็นจีโอมันชั่วและเลวอย่างนี้...”

อย่างไหนนะ เขาเอาภาพแค็ปชั่นคำของ อจ.ปิ่นแก้ว จากซีรี่ส์อภิปราย แผ่นดินจึงดาลของประชาไทมาเป็นเป้า

เอ็นจีโอกลายเป็นกลุ่มองค์กรที่ทำงานเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับรัฐราชการ เป็นพันธมิตรกับรัฐราชการ เพื่อแลกกับความอยู่รอดของตนเอง โดยปราศจากการมองภาพอนาคตของสังคมไทย หรือคุณภาพของสังคมไทย

และเห็นว่าคุณภาพของความเป็นประชาธิปไตยของสังคม ไม่เกี่ยวข้องกับพันธกิจของตนอีกต่อไป...

ท่าทีที่เขาผิดหวังในระบอบเลือกตั้ง ทำให้เขาตัดสินว่าการเมืองในระบอบเลือกตั้งมันไม่เกี่ยวข้องกับเขา ไม่เกี่ยวกับงานเอ็นจีโอ ใครก็ได้ที่มีอำนาจเข้ามาเขาพร้อมทำงานด้วย เพื่อทำให้ตัวเองและประเด็นที่ตัวเองทำนั้นอยู่รอด

เป้าหมายใหญ่ของเอ็นจีโอที่ว่า ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน ที่เคยเป็นสโลแกนใหญ่ของเขา กลายมาเป็นทำงานกับรัฐเพื่อเพิ่มอำนาจให้ตัวเอง หรือทำให้ตัวเองอยู่รอด

นั่นเป็นส่วนหนึ่งของคำอภิปรายโดย อจ.ปิ่นแก้ว ที่ประชาไทให้ค่าว่า “อาจเป็นบทวิพากษ์วิจารณ์เอ็นจีโอที่ดุเดือดที่สุดชิ้นหนึ่ง

ต้องไปดูกันเองว่า ดาล หรือ เดือด แค่ไหน (https://prachatai.com/journal/2017/05/71636) ตรงนี้แค่ชี้ว่าคบได้หรือไม่ได้อย่างไร

อันเนื่องมาแต่ภควดี ร้อนเรื่อง “เอ็นจีโอกลุ่มหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถถกเถียงโต้แย้งข้อวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่นในเชิงเนื้อหาได้ ทำได้แค่เขียนด่ากระแนะกระแหน และผู้ชายบางคนในนั้นถึงขั้นพูดทำนองต้องการใช้กำลังกับผู้หญิง

เธออ้างถึงข้อความของ Pichit Chaimongkol ที่บอกว่า ฝากตบปาก” กับ “ผู้ชายอย่าง Wiwat Tamee ที่หาว่าอาจารย์ถูกหักอกมาจากตึกขาว

ทำให้ภควดีเขียนถาม “คนชื่อ Wiwat ก็อยู่แถวเชียงใหม่เชียงราย ว่าง ๆ นัดเจอคุยกันต่อหน้าเลยกล้าไหม

อีกทั้งเอาลิ้งค์หน้าเฟชบุ๊คของประยงค์มาลงไว้เป็นลายแทง (https://www.facebook.com/photo.php…) แต่เจ้าตัวรู้ดีทั้ง ปีกและ หางจึงได้ปิดเพจหนีไป แต่ไม่ไวเท่าภควดีเก็บภาพไว้เป็นหลักฐานเพียบ

เอาของ วิวัฒน์ ตามี ซึ่งประยงค์ยืนยันว่า “มรึงก้ออยู่ใกล้ๆ ตึกขาวนะโว้ย” มาเป็นตัวอย่าง เขาเปิดฉากด้วยประโยคส่อเสียด “สงสัยถูก NOGs (น่าจะจิ้มผิด) แถวตึกขาวหักอกนะครับ...ฮา”

จากนั้นก็ลงรายละเอียด “...เพื่อน NGOs ทั้งหลายแถวตึกขาวก้อเคยเชิญคุณเธอไปวิพากษ์วิจารณ์ (ด่า) อยู่บ่อยๆ ก้อเชิญไอ้ตอนเหงาๆ เบื่อๆ เซ็งๆ นอนไม่หลับขึ้นมา ก็จะนึกถึงคุณเธอ...

เอ๊ะสงสัย NGOs แถวตึกขาวก้อซาดิสต์เหมือนกันเนอะ...”

นั่นละจึงมาถึงคิวอธึกกิต “คนพวกนี้ไม่ยักโต้แย้งที่ อ.ปิ่นแก้วบอกว่า NGO เห็นว่า คุณภาพของความเป็นประชาธิปไตยของสังคมไม่ได้เกี่ยวกับพันธกิจของตนอีกต่อไป เพราะโต้ไม่ออก

คนพวกนี้ไม่เลือกระบอบ แมวสีดำสีขาวก็จับหนูได้ เผด็จการหรือประชาธิปไตย กรูก็ไม่สนใจ เอาประเด็นที่กรูเคลื่อนไหวเป็นใหญ่แล้วกัน...

ที่แม่-น่ารังเกียจที่สุดสำหรับ NGO ไทย ไม่ใช่แค่ร่วมล้มประชาธิปไตยออกบัตรเชิญรัฐประหารสองครั้งในรอบสิบปี

ที่น่าทุเรศกว่านั้นคือ พอรัฐประหารไปกดขี่บีฑา เช่น ไล่ชาวบ้านออกจากที่ทำกิน สนับสนุนการทำเหมือง สร้างโรงไฟฟ้า ใช้อำนาจทหารกดหัวชาวบ้าน ฯลฯ แทนที่จะยางหัวตก ว่าตัวเองทำให้รัฐราชการเป็นใหญ่ ปิดกั้นเสรีภาพประชาธิปไตย NGO ก็โดดออกมาคัดค้าน แล้วบอกว่ากรูเป็นพระเอก

เห็นไหม กรูทำอะไรถูกตลอด ไม่เคยผิด


เอวัง