วันจันทร์, เมษายน 17, 2560

สองโพลตีความหน้าเท้าเป็นหลังมือ ฤๅเป็นช่วงถอยลงจากหลังเสือ

ถามว่าสงกรานต์ปีนี้สนุกไหม คำตอบรวมก็น่าจะสนุกนะ ถึงจะไม่มากเท่าปีก่อนๆ อาจเพราะถูกห้ามแต่แรกไม่ให้เล่นอย่างเดิม เลยเซ็งกัน

หากดูจากโพลกรรณิกาของนพดล เขาบอกว่าประชาชนเกินครึ่ง ๕๑.๖% ไม่มีความสุข ซึ่งก็สูสีกับพวกที่มีความสุขร้อยละ ๔๘.๔

ถามว่าเพราะเหตุใด เขาตอบกันว่า “เพราะเหตุร้ายเกิดขึ้นตลอดช่วงเทศกาล สาดน้ำสกปรก น้ำมันเครื่อง ปลาร้า การทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุ อากาศร้อน...”

และอ้างว่าปัจจัยที่ทำให้ไม่สุขมาจากผลของ ๑. สิ่งมึนเมา ๒. การทะเลาะวิวาท ๓. เจ้าหน้าที่รัฐหย่อนยาน ๔. เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ๕.คนในชาติขาดสติอารมณ์”

ตัวเลขไล่ๆ ลดหลั่นกันลงมาเล็กน้อย จาก ๗๙ เปอร์เซ็นต์ ร่นลงไปเหลือ ๗๔, ๖๙, ๖๘ และ ๖๕ ตามลำดับ


แต่ โฆษกรัฐบาลแถลงว่า “จำนวนผู้เสียชีวิตเมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๙ ลดลงเกือบร้อยละ ๒๐

ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของประชาชน รวมทั้งมาตรการและการรณรงค์ของรัฐ เช่น ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร และดื่มไม่ขับ จับยึดรถ เป็นต้น”


โดยตัวเลขจริงคือ มีอุบัติเหตุ ๓,๓๘๘ ครั้ง เสียชีวิต ๓๓๕ ราย บาดเจ็บ ๓,๕๐๖ คน ก็ควรที่จะตีความได้ว่า ในเมื่อสถิติอุบัติเหตุดีขึ้นขนาดนั้น คนก็น่าที่จะมีความสุขมากกว่าเก่าด้วย

ที่ไหนได้อีกโพลที่เคยเป็นปากกระบอกเสียงให้ คสช. ไม่ยิ่งหย่อนกว่า ซูเปอร์โพล กรรณิกา กลับเสนอการตีความตัวเลขเปลี่ยนไป

'สวนดุสิตโพล' เผยผลสำรวจประชาชนกว่า ๒๙.๒๔% มองสถานการณ์รัฐบาลบิ๊กตู่ ค่อนข้างน่าเป็นห่วง

เพราะไม่รับฟังเสียงรอบด้าน ชี้จากปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นควรพิจารณาให้รอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องที่ส่งผลกระทบประชาชน ไม่ควรจำกัดสิทธิมากเกินไป”


อ้าว ไหงเป็นงี้ไปได้ ทั้งที่คะแนนทุ่มเทพอใจรัฐบาลอำนาจเบ็ดเสร็จของบิ๊กตูบ ก็ยังสูสีไม่ทิ้งห่าง ๒๖.๔๙ เปอร์เซ็นต์กลับเห็นว่า “ยังไม่น่าเป็นห่วง...

เพราะเชื่อมั่นในนายกฯ ยังควบคุมสถานการณ์ได้ การทำงานของรัฐบาลย่อมมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ฯลฯ”

ครั้นมาถึงคำถามว่ารัฐบาลประยุทธ์ควรทำอย่างไร โพลของวิทยาลัยสวนดุสิตกลับพบว่า อันดับหนึ่ง ๗๐.๑๓% ให้ “รับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างเปิดกว้าง ชี้แจงเหตุผลชัดเจน ตรงไปตรงมา”

ทั้งกรรณิกาและดุสิตอ่านโพลตีความอย่างหน้าเท้าเป็นหลังมือแผกไปจากที่ผ่านมาเกือบสามปี มีอะไรในกอไผ่ไหม น่าคิดว่าฤๅจะเป็นช่วงเวลา descends ถอยลงจากหลังเสือแน่หรือ

ประจวบกับสถานการณ์หมุดเก่าแก่อายุ ๘๕ ปีของคณะราษฎรผู้อภิวัฒน์การปกครองสยามเมื่อ ๒๔๗๕ หายไป มีหมุดใหม่มาแทน แล้วรัฐบาลประยุทธ์ทำเป็นเซ่อ ไม่รับรู้ไม่ยอมชี้ จนมีสันนิษฐานว่าคนที่สั่งการให้ถอดหมุดคงต้องเป็นอำนาจบารมีที่เหนือกว่า คสช. อย่างล้นเหลือ