วันพุธ, กันยายน 21, 2559

นักแย่งอำนาจ @theUN ไปพูดเสียหรู ไม่รู้เข้าใจเนื้อหาหรือเปล่า





ไปพูดเสียหรู ไม่รู้เข้าใจเนื้อหาหรือเปล่า “บิ๊กตู่ยันไทยให้การดูแลผู้หนีภัยด้วยมนุษยธรรม”

นัยว่านั่นเป็นสาระสรุปโดย พลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกฝ่ายภาษาอังกฤษประจำสำนักนายกฯ จากการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาไปยืนอ่านแถลงบนโพเดี้ยม “ในการประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัยของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (President Obama’s Leaders’ Summit on Refugees)” ที่นครนิวยอร์คระหว่างร่วมประชุมสหประชาชาติ

(http://www.posttoday.com/politic/455726)

“ตลอด ๔ ทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและประชาชนคนไทยมีความเอื้ออารีและให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยจากประเทศเพื่อนบ้านแล้วกว่าล้านคน”

ใช่สิ ทำดีมาสี่สิบปี แต่สะดุดหยุดเกือบหมดช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ ไหนจะผลักไสเรือโรฮิงญาออกไปจากฝั่งไทยให้ไปตายกันดาบหน้า ไหนจะจัดส่งไอกูร์เป็นร้อยๆ ขึ้นเครื่องกลับไปให้จีนปู้ยำตำบอน

แล้วยังคดีของอานดี้ ฮอล นักกิจกรรมชาวอังกฤษเพื่อแรงงานอพยพ ที่เพิ่งโดนศาลไทยตัดสินความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ โทษจำคุก ๓ ปี (แต่รอลงอาญา) ปรับอีก ๑ แสน ๕ หมื่นบาท โทษฐานทำรายงานให้องค์การสิทธิมนุษยชนฟินแลนด์ เรื่องบริษัทฟาร์มสับปะรดไทยกดขี่ค่าแรงต่อแรงงานต่างด้าว





ผู้อำนวยการบริหารของฟินว้อทช์ ซอนจา วาเทียล่า มีปฏิกิริยาตอบโต้ว่า “อานดี้ถูกทำให้เป็นแพะรับบาป ในอันที่จะบีบคั้นไม่ให้เกิดเสียงเรียกร้องอันถูกต้องตามหลักกฎหมาย ในการสนับสนุนสิทธิของแรงงานผู้อพยพ”

อานดี้เองให้สัมภาษณ์บีบีซีไว้ก่อนเข้าฟังคำตัดสินในศาลว่า ถ้าเขาถูกพิพากษามีความผิดละก็ จะเป็นการตัดสินที่ไม่มีความยุติธรรมอย่างแน่นอน

แท้จริงคดีในข้อหาเดียวกันนี้เคยขึ้นศาลไทยมาแล้วสองครั้ง ในปี ๒๕๕๗ และ ๒๕๕๘ ซึ่งอานดี้เป็นฝ่ายได้รับชนะต่อการฟ้องร้องทั้งสองครั้ง โดยบริษัทเนเจอร์ฟรุ้ทของนายวิรัช ปิยะพรไพบูลย์ ซึ่งอ้างว่ารายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชนฟินแลนด์เรื่อง ‘Cheap has a High Price’ ทำให้ตนเสียหาย

“รวมถึงข้อกล่าวหาว่าคนงานอพยพได้รับการจ่ายค่าจ้างต่ำกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำ ต้องทำงานในโรงงานวันละหลายชั่วโมงนานมากกว่าควร แล้วยังถูกนายจ้างยึดพาสปอร์ตเอาไว้” รายงานของฟินว้อทช์กล่าว

คิดดูแล้วกัน ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวกับผู้นำประเทศกาบอนในอาฟริกา ขณะยืนอ่านโพยป้อยอประธานาธิบดีสหรัฐ (ด้วยภาษา motherland) อยู่ในนิวยอร์ค แต่ที่อังกฤษกลับปรากฏข่าวปู้ยี่เช่นนี้ ทั่นผู้นัมพ์ต้องหน้าชาไปแล้ว แต่กับประยุทธ์มีแต่หน้าตายและยิ้มแสยะ

ส่วนน้องชายที่มีวันนี้เพราะพี่ให้ ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน “ไม่สนอยู่แล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผบ.สส. ที่กำลังจะเกษียณ แต่ดันฝีแตกทั้งลูกทั้งเมียถูกสังคมเพ่งเล็งอื้อฉาว





ความเมียยังไม่ทันหาย เรื่องฝายขุ่นแม่งผ่องพรรณพัฒนา ใช้เงินหลวงสร้างแล้วตั้งชื่อตัวเองทำพิธีส่งมอบกันยังกะจ้าฟ้า ความลูกชายเข้ามาแทรก





รายละเอียดจากสำนวนฟ้อง ปปช. ของศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ แจงว่า

“ปรากฏข้อมูลเป็นการทั่วไปว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) แห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ซึ่งมีบุตรชายของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตแม่ทัพภาคที่ ๓ และปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นคู่สัญญารับเหมาหน่วยงานในกองทัพภาคที่ ๓ จำนวน ๗ โครงการมูลค่ากว่า ๙๗ ล้านบาท

และเป็นคู่สัญญากับสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค ๙ อีก ๑ สัญญามูลค่ากว่า ๔๔ ล้านบาท และเป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พิษณุโลกอีก ๓ สัญญามูลค่ากว่า ๑๓ ล้านบาท

รวมวงเงินทั้งสิ้นกว่า ๑๕๕ ล้านบาท ในขณะที่ หจก.ดังกล่าวเพิ่งจดทะเบียนเมื่อปี ๒๕๕๕ มีทุนจดทะเบียนเพียง ๑.๕ ล้านบาทเท่านั้น

กรณีดังกล่าวเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสาธารณะชนเป็นการทั่วไปว่า หากไม่มีการใช้อำนาจพิเศษเพื่อประโยชน์ในการเสนอราคาประมูลงานต่างๆ ดังกล่าวแล้ว บริษัทหน้าใหม่ที่มีทุนจดทะเบียนเล็กน้อย จะสามารถชนะการประมูลงานของรัฐที่มีมูลค่านับสิบนับร้อยล้านได้อย่างไร”

(http://www.matichon.co.th/news/292710)

เจ้าตัว ผู้เป็นน้องของนักแย่งอำนาจ ผัวของนักบริหารเงิน (หลวง) พ่อของนักรับเหมา (งานหลวง) ยืดอกรับว่า ทุกอย่างถูกต้อง “เรื่องไม่ถูกต้องผมไม่ทำ”

ฝายขุ่นแม่งผ่องพรรณ นั่นก็สร้างด้วยงบประมาณของสำนักงานปลัดกลาโหม แค่ ๗,๘๐๐ บาทเท่านั้น “ถึงแม้ว่าสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมจะไม่ได้เป็นหน่วยขึ้นตรงก็ตาม แต่มีการทำงานร่วมกันและสามารถที่จะใช้งบสนับสนุนจากกระทรวงกลาโหมได้”

(http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=730643)

“ส่วนกรณีที่นายปฐมพล จันทร์โอชา บุตรชายคนโตได้รับการประมูลรับเหมาก่อสร้างหน่วยงานในกองทัพภาคที่ ๓ นั้น ยืนยันว่าทำตามขั้นตอนของระเบียบราชการอย่างถูกต้อง”

ถูกต้องยังไง ต้องให้เพจ หยุดดัดจริตประเทศไทย with Natee Tongkuankanth and แซบ เวอร์ ช่วยกันแจง

ประเด็นสำคัญอยู่ที่การยื่นซองประมูลราคา หจก. ของลูกปรีชาเสนอราคาต่ำสุด น้อยกว่าผู้ประมูลอื่นๆ ในหลักพันบาท

“ยื่นซองพร้อมกัน ๓ เจ้า - บริษัท A ยื่นซองไป ๑๓ ล้าน ๓ พันบาท - บริษัท B ยื่นซองไป ๑๓ ล้าน ๒ พันบาท - หจก. ลูกปรีชา ยื่นซองไป ๑๓ ล้าน ๑ พันบาท

หจก. ลูกปรีชาเสนอมาน้อยสุด ตัดกันหลักพันบาท ก็รับงานไป”

แว่วว่าเรื่องไม่เป็นโล้เป็นพาย เสียหายถึงพี่ชายเหล่านี้ เกิดขึ้นเพราะมือดีในแวดวงกลาโหมเองที่เอามาปูด เหตุเพราะโผโยกย้าย และการปูนบำเหน็จยศ-ตำแหน่งในกองทัพเดือนตุลาคมนี้ เกิดทะแม่งเกลี่ยไม่ทั่ว

โถ งบประมาณให้กองทัพปีหน้าตั้ง ๒ แสนกว่าล้านบาท ขนาดนั้นยังเกลี่ยกันไม่ทั่วอีกเรอะ