วันจันทร์, สิงหาคม 22, 2559

จดหมายจาก 'มีนา แสงศรี' แม่ค้าขายน้ำพริก 1 ใน 15 ผู้ต้องหาคดี อั้งยี่ ที่เขียนความในใจฝากทนายให้ลูกสาว









จดหมายจากมีนา แสงศรี แม่ค้าขายน้ำพริก 1 ใน 15 ผู้ต้องหาคดี อั้งยี่ ที่เขียนความในใจฝากทนายให้ลูกสาว
‪#‎ลูกสาวมีนาฝากบอกยายมาว่าวันนี้จะโดดเรียนรีบกลับบ้านเพราะแม่จะกลับมาแล้วจะมารับแม่‬

ฝากให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ทำแบบนี้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ มันบาปกรรมแค่ไหน

ที่มา FB

United Lawyers For Rights & Liberty

ooo




#‎นี่เป็นคลิปที่ครอบครัวของมีนา‬ ทำขึ้นเพื่อเรียกร้องสิทธิให้กับคนอันเป็นที่รัก และกำลังสำคัญของครอบครัว แม่อันเป็นที่รักของลูกสาว น้องนาดา ที่เฝ้ารอการกลับบ้านของแม่ที่กำลังถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยวรังแกประชาชน



United Lawyers For Rights & Liberty shared Ayala Saengsri's post.

.....

เรื่องเกี่ยวข้อง...

อั้งยี่ขายน้ำพริกแกงเขียนจดหมายถึงลูก




21 August, 2016 - 10:58 -- gadfly
Source: บล็อกของ gadfly


จดหมายจาก มีนา แสงศรี วัย 39 ปี แม่ค้าขายน้ำพริกแกงย่านอ่อนนุช ถึง นาดา บุตรสาววัย 12 ขวบ

ช่วงเช้าของวันที่ 13 สิงหาคม 2559 เพียงแค่ข้ามคืนจากวันแม่แห่งชาติ เธอถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบบุกเข้าทำการจับกุม และในวันเดียวกันนั้นชื่อและภาพของเธอก็ถูกประโคมว่าเป็นผู้ก่อการวินาศกรรม 7 จังหวัดภาคใต้

ทั้งในสื่อกระแสหลักและในโซเชี่ยลมีเดียช่องทางต่างๆ

ถูกกักขัง รีดเค้น สอบถามในค่ายทหารจนครบโควต้า 7 วัน แต่ไม่สามารถเชื่อมโยงความเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวได้. เธอและเพื่อนร่วมชะตากรรมอีก 14 คน จึงได้ถูกนำส่งตำรวจ โดยท้ายสุดมีข้อหาแก้เกี้ยว กันไม่ให้เสียหน้าในข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร

หากผู้ที่ติดตามข่าวสะเทือนขวัญเรื่องการก่อวินาศกรรมต่อเนื่องมาถึงการอุ้มประชาชนโดยเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้มีทัศนะที่มืดบอดเกินไปก็คงจะเห็นได้ว่า การจับกุมตัวประชาชนจากที่พักจำนวน 17 คน (แต่มีรายงานว่าปล่อยคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไป 2 คน) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุไปกักขัง และท้ายสุดได้แจ้งข้อหา อั้งยี่ เป็นคดีอาญาร้ายแรง มีโทษสูงสุดถึงจำคุก 10 ปีนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เลย

พวกเขาเป็นเพียงแค่ "แพะ" เครื่องสังเวยของหน่วยงานความมันคงเพื่อรักษาหน้า ปกปิดความหย่อนสมรรถภาพอย่างรุนแรงที่ไม่สามารถป้องกันการก่อวินาศกรรมสะเทือนขวัญในบ้านเมืองของเรา

แม้ว่าจะมีความพยายามในการขอประกันตัว แต่สุดท้ายในวันนี้ (ศุกร์ที่ 19 สิงหาคม มีนาก็ยังไม่มีโอกาสได้รับอิสรภาพออกไปพบกับลูกสาวคนเดียวของเธอ

ไม่อาจโทษได้ว่าเป็นความล่าช้าของกระบวนการยุติธรรม แต่ทนายความที่เตรียมเงินประกันไปพร้อมไม่สามารถทำเรื่องประกันตัวเธอได้ทันเวลาที่ศาลทหารปิดทำการ

ทนายความยื่นประกันไม่ทัน เพราะวันนั้นศาลทหารกรุงเทพปิดทำการเวลา 16.30 น. ซึ่งช่างย้อนแย้งว่าศาลทหารขอนแก่นกลับมีคำสั่งรับคำฟ้องจากอัยการและส่งไผ่ ดาวดิน นักศึกษา นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย เวลา 20.30 น.

แม่ค้าขายพริกแกงจึงจำต้องทิ้งเวลาวันหยุด เสาร์อาทิตย์ ทิ้งวันคืนที่เธอจะได้มีโอกาสอยู่ร่วมกับลูกที่รักของเธออีกสองวันไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกรุงเทพ

ในสถานที่คุมขังของทางการที่เลื่องชื่อในด้านความเลวร้าย

เอาใจช่วยเธอ หวังให้เธอผ่านคืนวารอันเลวร้ายไปอย่างรวดเร็ว ขอให้เธอได้รับสิทธิอันน้อยนิดในการประกันตัว และหวังว่าเย็นวันจันทร์เธอจะได้มีโอกาสพบกับลูกสาวที่บ้านของเธอ