วันศุกร์, กรกฎาคม 29, 2559

ความจริงก็ปรากฏ จากข้อมูลของบีบีซีไทยระบุว่าผู้แจ้งความให้ดำเนินคดี "เมย์-นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์" คือ "ร้อยโทภูริ เพิกโสภณ" (ยศขณะนั้น)







ที่มา
October Free Thai added 2 new photos.

ความจริงก็ปรากฏ

จากข้อมูลของบีบีซีไทยระบุว่าผู้แจ้งความให้ดำเนินคดี "เมย์-นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์" คือ "ร้อยโทภูริ เพิกโสภณ" (ยศขณะนั้น) ผู้บังคับหน่วยที่ "พลทหารวิเชียร" ร่วมฝึกซ้อมและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ด้านตัวแทนกองทัพเปิดเผยว่าเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว กองทัพไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะแจ้งความเอาผิดกับหลานสาวของพลทหารวิเชียร ตรงกันข้ามได้พยายามดำเนินการกับทหารที่เกี่ยวข้องอยู่
https://m.facebook.com/story.php…

อ่าน
กองทัพปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง
http://prachatai.org/journal/2016/07/67097

ooo




https://www.facebook.com/BBCThai/photos/a.1527194487501586.1073741828.1526071940947174/1801019366785762/?type=3&theater


บีบีซีไทย - BBC Thai


หลานสาวพลทหารวิเชียรเผยเตรียมตัวสู้คดีหมิ่นประมาท พร้อมรับโทษหากผิดจริง แต่หากไม่ผิดจะฟ้องกลับ ส่วนทหารบอกกองทัพไม่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างนายทหารที่ถูกกล่าวหาซ้อมเหยื่อกับญาติคนตาย

น.ส.นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเมื่อวานนี้ 26 ก.ค.และถูกนำตัวจากสถานีตำรวจมักกะสันไปยังสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง นราธิวาสเพื่อสอบปากคำในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา โพสต์เฟซบุ๊กว่า ล่าสุดเธอได้รับการประกันตัวแล้วโดยเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิผสานวัฒนธรรมและขณะนี้กำลังเดินทางกลับกรุงเทพฯ พร้อมเผยว่าคดีนี้มีนายทหารระดับพันตรีเป็นผู้ไปแจ้งความ

การแจ้งความเอาผิดน.ส.นริศราวัลถ์ฐานหมิ่นประมาทหนนี้ เป็นกรณีที่สืบเนื่องมาจากที่เจ้าตัวโพสต์ข้อความลงในหน้าเฟซบุ๊กเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมในกรณีการเสียชีวิตของพลทหารวิเชียร เผือกสม น้าชายที่เสียชีวิตระหว่างการฝึกซ้อมทหารใหม่ในค่ายทหารที่นราธิวาสเมื่อ 2554 หลังจากนั้นญาติของพลทหารวิเชียรโดยน.ส.นริศราวัลถ์ได้ใช้โซเชียลมีเดียในการเปิดเผยข้อมูลและเรียกร้องขอความเป็นธรรมตลอดจนเดินเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนกระทั่งไปถึงการฟ้องคดีแพ่ง ในระหว่างนั้นนายทหารที่เกี่ยวข้องได้ไปแจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนราธิวาสในข้อหาว่าเธอหมิ่นประมาทจากการโพสต์เรื่องนี้

ล่าสุดน.ส.นริศราวัลถ์ได้โพสต์เฟซบุ๊กอีกในวันนี้ 27 ก.ค.บอกว่า เธอกำลังเตรียมตัวสู้คดี “เมย์ต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม เพราะฉะนั้นเมย์ก็พร้อมให้กระบวนการยุติธรรมตรวจสอบเช่นกัน หากเมย์ทำผิดจริง เมย์ก็ยินดีรับโทษตามกฎหมายค่ะ แต่ถ้าพิสูจน์แล้วไม่ผิด เจอฟ้องกลับทั้งทางแพ่งและอาญา”

เธอกล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปจะขอให้ทนายทำเรื่องแก้ต่างรวบรวมหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวนต่อไป น.ส.นริศราวัลถ์ยังได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมอย่างให้เกียรติไม่มีการใส่กุญแจมือและไม่นำตัวเข้าห้องขัง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นราธิวาสที่ดำเนินการให้จนได้ประกันตัวในเวลาเกือบ 03.00 น.
บีบีซีไทยได้ข้อมูลว่า ผู้แจ้งความให้ดำเนินคดีน.ส.นริศราวัลถ์คือร้อยโทภูริ เพิกโสภณ ผู้บังคับหน่วยที่พลทหารวิเชียรร่วมฝึกซ้อมทหารใหม่และถูกทหารที่เกี่ยวข้องกับการฝึกซ้อมลงโทษสองครั้งอย่างหนักจนต่อมาเสียชีวิตลงในสภาพมีบาดแผลทั่วตัว ต่อมาญาติได้เดินเรื่องร้องเรียนจนกองทัพได้สั่งสอบสวนลงโทษทางวินัยทหารที่เกี่ยวข้องกว่าสิบนาย นอกจากนั้นยังดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งต่อหน่วยงานที่เป็นผู้บังคับบัญชาจนทางการต้องจ่ายค่าเสียหายให้

ด้านพันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้ายืนยันกับบีบีซีไทยว่า กองทัพไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับน.ส.นริศราวัลถ์ ผู้แจ้งความเป็นนายทหารที่ดูแลหน่วยงานที่ฝึกซ้อมทหารในห้วงเวลานั้น และเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว กองทัพไม่มีเหตุผลใดๆที่จะไปแจ้งความเอาผิดกับหลานสาวของพลทหารวิเชียร ตรงกันข้ามได้พยายามดำเนินการกับทหารที่เกี่ยวข้องอยู่โดยหลังจากเกิดเหตุได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน และตามผลการสอบสวนมีทหารเกี่ยวข้อง 3 นาย ได้มีการสั่งพักราชการนายทหารที่มีชื่อปรากฏตามผลการสอบสวนหลังจากที่เกิดเหตุ และขณะนี้ทั้งสามคนอยู่ในกระบวนการถูกดำเนินคดี

อย่างไรก็ตาม พันเอกปราโมทย์กล่าวว่า ญาติอาจจะยังติดใจว่ามีทหารบางคนเกี่ยวข้องด้วยแต่ยังไม่ปรากฏชื่อในผลการสอบสวน ซึ่งญาติก็ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเพิ่มเติมเข้าไปแล้ว และขณะนี้ทางกองทัพกำลังจะสอบสวนเพิ่มเติม ทางด้านคดีแพ่งที่ญาติของพลทหารวิเชียรฟ้องร้องสามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียกร้องค่าเสียหายนั้น ทางการก็ได้จ่ายเงินไปแล้วตามคำสั่งศาลคือกว่า 7 ล้านบาท

“กองทัพไม่ปกป้องคนผิด เราจัดการทันทีด้วยการพักราชการ แม้แต่ในกรณีอื่นๆก็มีการจัดการเช่นกัน เช่นกรณีทหารตายที่บันนังสตาเราก็สั่งปลด กรณีสัสดีเราก็ให้ย้ายทันที แต่ที่ข่าวออกไปอย่างนี้ แม้ว่าจะไม่มีระบุว่าทหารฟ้อง แต่คนเข้าใจไปว่าทหารทำ เกิดความเข้าใจผิดกลายเป็นว่ากองทัพแย่มาก เราไม่ได้แย่อย่างนั้น”

โฆษกกอ.รมน.ภาค 4 สน. บอกด้วยว่า ตามความเข้าใจของตน คดีนี้มีการไปแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนราธิวาสตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว และมีการออกหมายเรียกเมื่อต้นปีนี้ แต่หลังจากนั้นก็กลายเป็นหมายจับ ไม่ปรากฎว่ามีการไปจับกุมน.ส.นริศราวัลถ์จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ซึ่งบังเอิญเป็นวันเดียวกันกับที่มีนักรณรงค์สิทธิมนุษยชนสามคนคือน.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ นายสมชาย หอมลออ และน.ส.อัญชนา หีมมีหน๊ะไปรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาที่สภอ.เมือง ปัตตานีเพราะกองทัพแจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นคนละเรื่องกันแต่การที่ข่าวออกมาในวันเดียวกันทำให้เกิดภาพว่ากองทัพพยายามดำเนินคดีกับคนหลายส่วน ในกรณีของน.ส.พรเพ็ญและพวกนั้นกองทัพดำเนินการจริงเพื่อขออำนาจศาลให้ทั้งสามคนเปิดเผยรายชื่อกลุ่มคนที่อยู่ในรายงานการซ้อมทรมานที่ระบุว่า พวกเขาเหล่านั้นถูกซ้อม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พยายามขอข้อมูลนี้มาแล้วแต่ไม่ได้จึงต้องฟ้องร้อง ส่วนกรณีหลานสาวพลทหารวิเชียร กองทัพไม่ได้ดำเนินการ “แต่ผมก็แปลกใจว่า อยู่มานานทำไมไม่ไปจับ ทำไมไปจับในวันเดียวกัน” พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีอะไรที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เพื่อทำให้เจ้าหน้าที่เสียชื่อเสียง

ก่อนหน้านั้นฮิวแมนไรซ์วอชได้ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 27 ก.ค.คือวันนี้เรียกร้องทางการไทยดำเนินการเพื่อให้มีการยุติการดำเนินคดีน.ส.นริศราวัลถ์โดยทันที โดยบอกว่านี่เป็นความพยายามข่มขู่ญาติของเหยื่อที่ถูกละเมิดสิทธิ

“ความพยายามของเจ้าหน้าที่ตำรวจในอันที่จะข่มขู่และตอบโต้การกระทำของญาติเหยื่อที่ถูกละเมิดสิทธิที่กล้าพูดในเรื่องนี้จะว่าไปแล้วก็คือการยอมรับให้มีการซ้อมทรมาน” นายแบรด อดัมส์ แห่งฮิวแมนไรซ์วอชกล่าวในแถลงการณ์ พร้อมระบุว่าทหารควรดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยกเลิกความพยายามดำเนินคดีน.ส.นริศราวัลถ์แล้วหันไปพยายามลงโทษคนที่ทำให้พลทหารวิเชียรถึงแก่ชีวิตแทน

.....

ตำรวจยืนยันให้ความเป็นธรรมในคดีหลานพลทหารวิเชียรถูกฟ้องหมิ่นประมาท ยืนยันการจับกุมเป็นจังหวะสะสางหมายค้าง ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือเบื้องหลัง

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมผู้ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่น.ส.นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หลานสาวพลทหารวิเชียร เผือกสม ผู้เสียชีวิตในระหว่างการฝึกซ้อมทหาร จากที่เธอถูกจับกุมตัวในข้อหาหมิ่นประมาทเมื่อ 26 ก.ค.ที่ผ่านมากล่าวในเอกสารเผยแพร่ 27 ก.ค.ว่าก่อนถูกจับน.ส.นริศราวัลถ์ไม่เคยได้รับหมายเรียกแม้ว่าจะมีที่อยู่ที่แน่นอนรวมทั้งมีสถานที่ทำงานชัดเจน ในขณะที่อีกด้านให้ข้อมูลด้วยว่าคดีอาญาเพื่อเอาผิดผู้ซ้อมพลทหารวิเชียรยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจนแม้จะผ่านไปกว่า 5 ปีแล้วก็ตาม

อีกด้านก่อนหน้านั้นพ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์โฆษกกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าออกตั้งข้อสังเกตว่า คดีนี้มีการแจ้งความกันตั้งแต่ปลายปี แต่เพิ่งจะมาจับกุมเอาในวันเดียวกันกับที่สังคมกำลังสนใจคดีที่กองทัพฟ้องร้องนักสิทธิสามคนในข้อหาหมิ่นประมาทที่ปัตตานี ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่าทหารฟ้องร้องมากมายหลายคดี และทำให้ภาพลักษณ์ทหารเสียหาย รวมทั้งตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีเบื้องหลังบางอย่างทำให้มีการจับกุมในวันเดียวกันดังกล่าว

แต่พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรนราธิวาสเปิดเผยว่า กรณีการจับกุมตัว น.ส.นริศราวัลถ์ หลานของพลทหารวิเชียร เผือกสมที่เสียชีวิตในระหว่างร่วมฝึกซ้อมทหารใหม่เมื่อปี 2554 เป็นกรณีที่ตำรวจนราธิวาสรับเรื่องมาจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือปอท. อันเป็นที่ที่ร.อ.ภูริ เพิกโสภณ (ตามยศในขณะนั้น) เป็นผู้ที่รับผิดชอบหน่วยทหารดังกล่าวในสังกัดกรมทหารราบที่ 151 นราธิวาส ได้ไปแจ้งความเอาผิดน.ส.นริศราวัลถ์เอาไว้ในข้อหาหมิ่นประมาทตั้งแต่เมื่อเดือนธ.ค.2558 พร้อมชี้แจงว่าในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจในนราธิวาสได้ส่งหมายเรียกให้น.ส.นริศราวัลถ์ไปพบ แต่หมายนั้นไม่ถึงมือน.ส.นริศราวัลถ์เนื่องจากที่อยู่จริงไม่ตรงกับที่อยู่ในทะเบียนบ้าน เมื่อเวลาล่วงเลยจนท.จำต้องดำเนินการให้มีการออกหมายจับ

พล.ต.ต.พัฒนวุธกล่าวอีกว่า เหตุที่มีการจับกุมตัวน.ส.นริศราวัลถ์วันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากเจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการสะสางหมายจับเก่าที่คั่งค้างจำนวนมาก ได้มีการรวบรวมคดีที่พบว่าผู้ถูกกล่าวหาอยู่นอกพื้นที่ 14 คดี และกำหนดเป้าหมายให้จนท.ไปจับกุมในระหว่าง 24-28 ก.ค.ทั้ง 14 คดี โดยในจำนวนนี้มีคดีของน.ส.นริศราวัลถ์รวมอยู่ด้วย โดยจนท.ตร.ได้ใช้รถตู้ไปจับกุมในวันเดียวได้ทั้งหมดรวม 11 คดีรวมไปถึงน.ส.นริศราวัลถ์ การดำเนินการของจนท.จึงไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติ นอกจากนั้นหลังการจับกุม เมื่อจะนำตัวไปนราธิวาสทางรถ น.ส.นริศราวัลถ์ร้องขอที่จะเดินทางทางเครื่องบินเนื่องจากมีภาระกิจด่วนในวันถัดไป โดยประสงค์จะออกเงินเองและให้มีจนท.ตร.ไปด้วย จนท.ก็ยินยอม แต่ขณะนี้ได้แจ้งเจ้าตัวไปแล้วว่า ตำรวจพร้อมจะออกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้

อย่างไรก็ตาม ทนายความของน.ส.นริศราวัลถ์คือนายสัญญา เอียดจงดีเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการแล้วโดยเสนอให้สั่งฟ้อง ดังนั้นทางทนายความจะรวบรวมข้อมูลเพื่อส่งให้กับอัยการ ร้องขอความเป็นธรรมให้รับฟังข้อมูลจากฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาต่อไป เพราะขณะนี้คดีขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของอัยการว่าจะสั่งฟ้องศาลหรือไม่

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.พัฒนวุธชี้แจงว่า การทำสำนวนส่งอัยการเมื่อมี.ค. 2559 นั้นสืบเนื่องมาจากขั้นตอนการทำงานที่มีเวลากำกับ ต้องทำสำนวนชั้นต้นส่งอัยการ แต่ขณะนี้จนท.ยังสามารถรวบรวมสำนวนส่งให้อัยการเพิ่มเติมได้อีก และขณะนี้น.ส.นริศราวัลถ์ยังไม่ได้ให้ปากคำในรายละเอียด โดยมีนัดหมายกันอีกครั้งวันที่ 20 ส.ค.

ในส่วนของเรื่องความผิดนั้น ผู้บังคับการสภ.นราธิวาสระบุว่า ร.อ.ภูริได้ไปแจ้งความน.ส.นริศราวัลถ์ข้อหาหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และเชื่อมโยงไปสู่ความผิดตามพรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ เนื่องจากมีการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ รวมแล้วทั้งหมด 3 ข้อหาด้วยกัน การฟ้องร้องดังกล่าวสืบเนื่องจากร.อ.ภูริเห็นว่า น.ส.นริศราวัลถ์นำข้อความส่วนตัวของตนไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียง ส่วนสำหรับน.ส.นริศราวัลถ์ เจ้าหน้าที่ให้ประกันตัวไปแล้วโดยใช้ตำแหน่งงานในฐานะนักสังคมสงเคราะห์สังกัดกรมกิจการเด็กและเยาวชน สังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ “เราจะให้ความเป็นธรรมกับคู่กรณี ไม่มีการเลือกปฏิบัติ” พล.ต.ต.พัฒนวุธยืนยัน

ด้านน.ส.นริศราวัลถ์ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวมีข้อความขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือให้ได้รับการประกันตัว ซึ่งคำขอบคุณนั้นรวมไปถึงต่อพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ติดตามหลังมีข่าวการจับกุมอย่างใกล้ชิด เธอยังขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมเธออย่างให้เกียรติและปฏิบัติด้วยเป็นอย่างดี แต่ก็ระบุว่า หากสู้คดีแล้วตนไม่ผิด พร้อมจะฟ้องกลับ

ด้านมูลนิธิผสานวัฒนธรรมกล่าวถึงคดีที่จะมีการเอาผิดทางอาญากับทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซ้อมพลทหารวิเชียรจนเสียชีวิตว่า ตามข้อมูลล่าสุดนั้น คดีนี้ถูกโอนจากตำรวจไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐหรือป.ป.ท. มีการทำสำนวนคดีส่งให้กับอัยการจังหวัดนราธิวาสไปแล้วและมีจนท.ที่มีชื่อเกี่ยวข้องถูกสอบสวนรวมแล้ว 10 คน ขณะนี้ผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องการสอบสวนคืออัยการนราธิวาสและป.ป.ท. พร้อมกับชี้ว่าขณะนี้ผ่านไป 5 ปีแล้วแต่ครอบครัวยังคงรอความเป็นธรรมอยู่



บีบีซีไทย - BBC Thai