วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 26, 2559

ผลงาน คสช. สองปีกับสี่วัน พวกทั่นเก่งด้านการเงินกันพอควรเชียวละ จับจ่ายใช้สอยซื้อ ‘สับ’ (มารีน) ซื้อ ‘ฮอ’ และรถกันกระสุนคันใหม่ ละก็ถนัด ด้าน ‘ส่วนเกินเงินทอน’ ก็น่าจะฉลุยไปด้วยกัน คณิตศาสตร์การทหารสำคัญต้องรู้





ผลงาน คสช. สองปีกับสี่วัน สร้าง ‘มวลความสุข’ ให้เพิ่มขึ้น แถมทั่นผู้นัมพ์ยังโชว์เก่งซัดรัฐบาลเลือกตั้งว่าอ่านตัวเลขผิด

“พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา) กล่าวว่า อดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจบางคนออกมาพูดว่าเศรษฐกิจตกต่ำคนจะตายกันหมดแล้ว มันตายตรงไหน เขาไม่ตายกันหรอก เขามีการปรับตัวเสมอ ตนไปภาคอีสานเขาก็บอกว่าปรับตัวได้เอง...

ว่ามันแย่แล้วถ้ามันแย่ตัวเลขเศรษฐกิจมันจะขึ้นไหม จาก ๐.๘ ตอนนี้ขึ้นมา ๓.๒ ก็ยังมาบอกว่าเป็นตัวเลขปลอมอีก”

เอ แต่ที่เขาพูดถึงน่ะตัวเลขปริมาณการส่งออกไม่ใช่หรือ ที่ว่าหดตัว ๘ เปอร์เซ็นต์จากเมื่อปีก่อน ซึ่งทั่นผู้ว่าแบ๊งค์ชาติ (นายวิรไท สันติประภพ) ออกมาชี้แจงว่า ส่งออกลดเพราะเดือนที่แล้วมีวันหยุดหลายวัน ออร์เดอร์เลยลดลง (http://news.voicetv.co.th/business/369489.html)





เพื่อให้แน่ใจไปดูดัชนีสถิติของธนาคารแห่งประเทศไทยกันหน่อยปะไร

(จากนี่นะ https://www.bot.or.th/…/Pa…/StatMacroEconomicIndicators.aspxแต่หากว่าทั่นผู้นัมพ์มีตัวเลขลี้ลับไม่สาธารณะ ก็อีกเรื่อง)

ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (ที่ฝรั่งเรียก Gross domestic Products – GDP) นั้นมีตัวเลขให้ถึงปี ๒๕๕๗ ก่อนรัฐประหาร มันขึ้นมาตลอดช่วง ๕-๖ ปี มากบ้างน้อยบ้าง จาก ๗,๖๕๓,๔๐๐ ล้าน จนถึง ๙,๒๑๑,๖๐๐ ล้าน

ส่วนผลิตภัณฑ์ประชาชาติ หรือ Gross National Products – GNP ก็ขึ้นปร๊าดจาก ๑๔๒,๒๓๘ บาทต่อคน ไปถึง ๑๘๖,๒๗๖ บาท ตอนก่อน คสช. ยึดอำนาจในปี ๒๕๕๗

ไอ้ที่มีตัวเลขถึงปีนี้เป็นเรื่องเงินเฟ้อ ดุลการค้า การส่งออกและสินค้าเข้า เอาเฉพาะตัวเลขสินค้าออกและสินค้าเข้าที่มันเกี่ยวกับประเด็นที่พูดถึงวันนี้

สินค้าเข้า (ซึ่งทำความเข้าใจประสาชาวบ้านได้ว่า เป็นตัวเลขชี้เศรษฐกิจมหภาคด้วยปริมาณการซื้อเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัตถุดิบเพื่อการผลิตจำหน่ายทั้งใช้หมุนเวียนในประเทศและส่งออก ถ้าผลิตมากก็แสดงว่าคนใช้มาก เศรษฐกิจหมุนเวียนคล่องตัวดี) ตั้งแต่ปี ๕๒ ถึง ๕๖ ขึ้นตลอด เริ่มลดตั้งแต่ปี ๕๗ มาฮวบเอาที่ปี ๕๙ เหลือแค่ ๓๘,๙๐๐ ล้าน ปี ๕๖ ก่อนรัฐประหารอยู่ที่ ๒๑๘,๗๐๐ ล้าน

สินค้าออกก็เช่นกัน มูลค่าสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปีตั้ง ๒๕๕๒ ถึง ๒๕๕๖ จาก ๑๕๐,๘๐๐ ล้าน สู่ ๒๒๕,๔๐๐ ล้าน พอปี ๕๗ คณะทหารเริ่มเข้ามาจัดการบ้านเมือง ส่งออกเริ่มลดลงนิดไปอยู่ที่ ๒๒๔,๘๐๐ ล้าน จากนั้นก็ลดไม่หยุดถึงปี ๕๙ เหลือแค่ ๕๒,๒๐๐ ล้าน

ไอ้พวกตัวเลขที่ ‘ลด’ เหล่านี้กี่เปอร์เซ็นต์ไม่รู้ ต้องให้ทีมบิ๊กตู่ช่วยคำนวณ เห็นบอกว่าทหารเก่งๆ เยอะ ด็อกเตอร์ก็แยะ พวกทั่นเลยเล่นแร่แปรธาติเป็น ‘ขาขึ้น’ ของความสุขมวลรวมไปก็ได้





ที่เราพอเห็นสองปีที่ผ่านมาพวกทั่นเก่งด้านการเงินกันพอควรเชียวละ จับจ่ายใช้สอยซื้อ ‘สับ’ (มารีน) ซื้อ ‘ฮอ’ และรถกันกระสุนคันใหม่ ละก็ถนัด ด้าน ‘ส่วนเกินเงินทอน’ ก็น่าจะฉลุยไปด้วยกัน คณิตศาสตร์การทหารสำคัญต้องรู้

สำหรับรถเมอร์เซดีสคันใหม่สั่งซื้อเมื่อปีที่แล้วเพิ่งออกใช้เมื่อวาน ราคาคันละ ๑๙.๕ ล้าน รัฐบาล คสช. ซื้อทั้งหมดสี่คันมูลค่าทั้งสิ้นเหนาะๆ ๘๐ ล้าน

(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1464149435#)

นี่ก็อีกราย เรื่องจับจ่ายไอเดียเจ๋ง สนช. ลิ่วล้อ คสช. (ตั้งเอง) ทั้งนั้น วางแผนใช้งบประมาณของประเทศอีกไม่น้อยกว่า ๒.๒ หมื่นล้าน เพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉิน รวมทั้งให้สำนักงานเลขาธิการ สนช. ๒๐ ล้าน ใช้สำหรับการลงพื้นที่เกี่ยวกับกฎหมายและร่างรัฐธรรมนูญ

(http://www.thairath.co.th/content/625173)

ดูเหมือนนั่นจะเป็นวัฒน ‘ทำ’ องค์กร ที่ระบบราชการอื่นๆ เอาอย่าง รวมทั้งพวก อบต. ทั้งในด้านใช้จ่ายงบประมาณและการซื้อรถ

มีเพจ ‘ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน’ ออกมาเปิดโปง อบต. ท่าทราย สมุทรสาคร เรื่องซื้อรถ ๔๗ คัน ใช้งบฯ ๘๐ ล้านเหมือนทั่นผู้นัมพ์

มีคนไปคอมเม้นต์กันว่า “หน่วยงานท้องถิ่นได้รับการจัดสรรงบประมาณเป็นก้อนใหญ่ให้มาบริหารจัดการในท้องถิ่นกันเอง นานๆ เข้าก็ไม่รู้จะทำงานอะไร เจ้าหน้าที่มึนตึ้บ สร้างถนน ขุดลอกคูคลอง ทำสวนหย่อมก็ทำหมดแล้ว การซื้อยานพาหนะเป็นทางออกหนึ่ง รับเงินทอนง่าย ต่อไปยังมีงบค่าซ่อมบำรุงตามมาอีก”

(http://news.mthai.com/hot-news/social-news/496685.html)

ส่วนเรื่องที่ฮือฮาจนไปถึง สตง. (ตรวจเงินแผ่นดิน) จากการที่องค์การทหารผ่านศึกรับจ็อบล็อตใหญ่ ขุดลอกคูคลองในโครงการปรับปรุงแหล่งน้ำเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ๑,๓๐๐ โครงการ ที่ต้องกินงบประมาณแผ่นดินทั้งสิ้น ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท





ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเผยคืบหน้าผลสอบพิรุธ “พบว่าในบางโครงการ อผศ.ได้ทำผิดเงื่อนไขจริง โดยการว่าจ้างเอกชนรับช่วงทำงานต่อ ทั้งที่คณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของกระทรวงการคลัง กำหนดให้ อผศ.เป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด...

นอกจากนี้ยังพบว่า หลายโครงการเกิดความล่าช้า แล้วเสร็จไม่ทันตามกำหนดในสัญญาว่าจ้าง” ก็เลยยังต้องตรวจสอบกันต่อไปอีก (สรุปยากนะเนี่ย)

(http://news.voicetv.co.th/thailand/368742.html)

ยังมีที่กองทัพบกประกาศขายซากเฮลิค็อปเตอร์รุ่น ซีเอช ๔๗ ดี ชีนุก ที่ @WassanaNanuam แจ้งว่า “ใช้มากว่า ๒๐ ปีบินไม่ได้ เผยประกวดราคาสองครั้งได้แค่ ๔๒๐ ล. ต่ำกว่าราคากลาง ๖๐๐ ล. รอประกวดราคาใหม่”

ปรากฏว่าสำนักข่าวอิศราไปขุดเอาสัญญิงสัญญามาแฉ “พบ ‘บ.ผู้ชนะ’ ร่างสัญญาขายงานต่อตัวแทนสหรัฐ ทันที ๕๕๐ ล. หลังทราบผล ๑ วัน กะฟัน ‘ส่วนต่าง’ ๑๓๐ ล. ก่อนถูกประกวดราคารอบสอง”

เรื่องนี้แดงขึ้นเพราะตัวแทนบริษัทที่รับซื้อต่อเศษเหล็ก ‘ฮอ’ ในราคาสูงกว่าราคาประมูลได้ไปร้องทุกข์ต่อสำนักงานตรวจสอบทุจริต (ปปท.) ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในการประมูลราคา และการที่บุตรชายของตนที่เป็นจ่าสิบเอก ทบ. ถูกสั่งปลดจากราชการด้วย

(http://www.isranews.org/47127-holicopter_61942.html)

ก็นี่ละ ระบบ คสช. ที่นั่นผู้นัมพ์เพิ่งยืนยันวันนี้ ต้องใช้นำร่องต่อไปอีกยี่สิบปี แม้จะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้วก็ตาม เลี่ยงไม่ได้

***เพิ่มเติมเล็กน้อยเรื่อง ๒๐ ปี Thanapol Eawsakul ช่วยขยายความ

"คสช. จะสืบทอดอำนาจ อีก ๒๐ ปี คือวิสัยทัศน์ล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 
..................
จากข่าวนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า
"วันนี้เราต้องปฏิรูปให้เร็วที่สุด ขณะนี้ตนกำลังทำอยู่ เเละเมื่อมีการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยเกิดขึ้น ก็ต้องเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี รัฐบาลใหม่ก็ต้องเดินตามนี้ ตีกรอบจะต้องทำอะไรบ้าง ไม่ใช่ว่ามาบังคับ ถือเป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่ที่ต้องใช้อำนาจการบริหาร และต้องทำต่อในสิ่งที่ตนดำเนินการไปให้ได้ อย่าคิดว่าตนไม่อยู่เเล้วจะทำไม่ได้ มันต้องทำให้ได้ เพราะมันเป็นประเทศ อีกทั้งต้องสร้างความเชื่อมั่นด้วย"

บิ๊กตู่ ขีดเส้นรบ.เลือกตั้งต้องเดินตามแผน ๒๐ ปี ไม่อยู่แล้วก็ต้องทำ อ้อนขอเพิ่มเวลาพูด
http://www.matichon.co.th/news/148893

วิสัยทัศน์ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากว่าเพื่อจะเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี คสช. ต้องสืยทอดอำนาจไปอย่างน้อย ๒๐ ปี ด้วยเช่นกัน

รูปธรรมแรกคือการตั้งพรรค คสช. จำนวน ๒๕๐ เสียงผ่านวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง ที่จะมีอายุ ปี (เป็นอย่างน้อย) ตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่จะลงประชามติ สิงหาคม ๒๕๕๙

ดังนั้นถ้าใครเห็นด้วยว่า จะให้คสช. จะสืบทอดอำนาจ อีก
๒๐ ปี ก็ไปโหวตเยส