วันพฤหัสบดี, มีนาคม 31, 2559

ที่หลาย ๆ ท่านเขียนเกี่ยวกับรถไฟความเร็วสูงแล้วมีคำถามง่าย ๆ ว่า เคยนั่งกันหรือไม่ ?







ที่มา FB

Noppanan Arunvongse Na Ayuthaya 



ผมอ่านที่หลาย ๆ ท่านเขียนเกี่ยวกับรถไฟความเร็วสูงแล้วมีคำถามง่าย ๆ ว่า เคยนั่งกันหรือไม่ ?

สำหรับผมเองนั้นนั่งอยู่เป็นประจำจนจำไม่ได้ว่ากี่ครั้ง และจำไม่ได้ว่าไปไหนมาบ้างแล้วครับ

รถไฟความเร็วสูงนั้นคนละโครงสร้างกับรถไฟธรรมดา หน้าตาก็ไม่เหมือนกัน คนละเรื่องกันเลยครับ เพียงแต่ยังดูออกว่าเป็นรถไฟเท่านั้นเอง แม้หน้าตาจะเหมือนยานอวกาศวิ่งอยู่บนรางก็ตามครับ

รางก็ไม่เหมือนกันนะครับ ไม่เหมือนรางรถไฟธรรมดา คนละเรื่องกันอีกเหมือนกันครับ

ภายในก็หรูหราทันสมัยเหมือนเครื่องบิน โฮสเตสก็ใส่เครื่องแบบและบริการอย่างเดียวกันกับบนเครื่องบินอีกด้วยครับ

นอกจากนี้ รถไฟความเร็วสูง ไม่ว่าความเร็ว 250km/h 350km/h หรือ 550km/h นั้นไม่มีการขนส่งสินค้าครับ ไม่มีโบกี้สินค้านะครับ หรือแค่เราหอบข้าวของพะรุงพะรังเกินเหตุก็ขึ้นรถไฟความเร็วสูงไม่ได้แล้วครับ ใครนึกจะหอบกระสอบใส่ข้าวโพดขึ้นรถไฟความเร็วสูงไปขายก็ไม่มีทางครับ

รถไฟความเร็วสูงนั้นมีไว้สำหรับขนส่งผู้โดยสารอย่างเดียวเท่านั้นครับ

ข้อดีของรถไฟความเร็วสูงนั้นมีหลายอย่าง คือ มันวิ่งอยู่บนราง ทำให้ตรงเวลาเป๊ะ ๆ ระดับนาที ไม่มี delay ไม่ต้องไป check in ล่วงหน้า 2-3 ชั่วโมงเหมือนเครื่องบิน และไม่ต้องนั่งรถแท๊กซี่ไปกลับจากสนามบินเข้าเมืองอีก เพราะรถไฟความเร็วสูงนั้นวิ่งเข้าถึงใจกลางเมืองโดยตรง และเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายรถไฟใต้ดินอีกด้วย ซึ่งแม้ความเร็วจะช้ากว่าเครื่องบิน แต่เมื่อรวมเวลาเดินทางจากใจกลางเมืองไปกลับสนามบิน และเวลาที่ต้องไป check in ล่วงหน้าสำหรับเครื่องบิน ก็ทำให้ระยะเวลานั้นพอกัน แต่สะดวกสบายกว่า และค่าโดยสารก็มักถูกกว่าเครื่องบิน โดยยังไม่คิดรวมค่าแท๊กซี่ไปกลับสนามบินอีกด้วยนะครับ

ใครอย่าไปคิดตามอดีตผู้นำคนหนึ่ง ทำนองว่า รถไฟความเร็วสูงเอาไว้ขนผักได้ด้วย ผักจะได้ไม่เน่านะครับ อายเขาครับ

นอกจากที่แน่ ๆ ว่า คนไทยจะได้ใช้ประโยชน์ในการเดินทางกันบ้าง โดยไม่ต้องอับอายใครอีกว่า จนป่านนี้เราก็ยังมีแต่รถไฟล้าสมัยบุโรทั่ง ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่างกันอีกต่อไป

เหตุผลสำคัญสำหรับรถไฟความเร็วสูงซึ่งควรเชื่อมต่อกับจีนก็คือ "นักท่องเที่ยวจีน" ครับ

ยกตัวอย่าง ผมแค่เดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานีที่หน้าบ้านผมในกรุงปักกิ่งนี่ล่ะ หลังจากนั้นมันก็เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายรถไฟความเร็วสูง ทำให้ผมลงรถไฟอีกครั้งก็โน่นเลยครับ กรุงเทพฯ ครับ

เรายังไม่ได้พูดถึงเซี่ยงไฮ้ ฮาร์บิน ฉางชุน นานกิง เฉิงตู ฉงชิ่ง กวางเจา ฯลฯ และเมืองเล็กเมืองน้อยอีกทั่วประเทศจีน ซึ่งส่วนใหญ่มีรถไฟความเร็วสูงกันแล้วทั้งนั้นอีกครับ พวกเขาสามารถขึ้นรถไฟจากบ้านแล้วลงปลายทางที่ประเทศไทยได้อย่างสะดวกสบาย

จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยนั้นจะเพิ่มขึ้นอีกมากมาย และนำรายได้เข้าประเทศอีกมหาศาล

แต่หากใครไม่ชอบให้มีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น เพราะคิดว่าประเทศไทยไม่ได้อะไร หรือกลัวว่าสักวันจีนจะส่งทหารแบกปืนนั่งรถไฟความเร็วสูงเข้ายึดประเทศไทยก็อีกเรื่องนะครับ ถกเถียงกันสามวันก็ไม่จบหรอกครับ
grin emoticon
ภาพประกอบ - รถไฟความเร็วสูงฉางชุน-ฮาร์บิน







ooo

ได้โปรดเข้าใจคนจีน...








คนจีนมีมากถึง 1.4 พันล้านคน
แต่คนจีนเกือบครึ่งประเทศไม่สามารถพูดหรือฟังภาษาจีนกลางเข้าใจได้ เพียงแต่สามารถอ่านตัวอักษรจีนได้
เราจึงพบว่า ทีวีจีน ภาพยนตร์จีน แม้มีเสียงพูดภาษาจีนแล้ว แต่ยังต้องมีคำบรรยายภาษาจีนอีกด้วย

จีนยังเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ มีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 25 เท่า พื้นที่กว้างขวางถึง 5 เส้นแบ่งเวลา ซึ่งแม้ทั้งประเทศจะใช้เวลาเดียวกันก็ตาม แต่เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นและตกในฟากตะวันออกและฟากตะวันตกของประเทศนั้น ห่างกันถึง 5 ชั่วโมงในบางฤดูกาล

ภมิประเทศและภูมิอากาศก็ต่างกันสุดขั้วในแต่ละพื้นที่ อาหารการกินก็ต่างกัน ภาษาพูดก็ต่างกัน วัฒนธรรมก็ต่างกัน

ดังนั้น คนจีน ในแต่ละพื้นที่จึงมีบุคลิกและนิสัยใจคอที่แตกต่างกัน

คนจีนทางตะวันออกเฉียงเหนือ มีบุคลิกนุ่มนวลอ่อนหวาน พูดจาไพเราะนิ่มนวล แต่ใจแข็ง ไม่ยอมประนีประนอมง่าย ๆ

คนจีนทางตะวันตกเฉียงเหนือ พูดน้อย แต่ตรงไปตรงมา ไม่รักษาหน้าใคร
คนจีนทางตะวันตกเฉียงใต้ พูดจาเสียงดัง กระโชกโฮกฮาก ใจร้อน แต่โกรธง่ายหายเร็ว

คนจีนทางตะวันออกเฉียงใต้ พูดจาเสียงดัง แต่ใจกว้าง
ปักกิ่ง เรียบง่าย พูดเพราะ เสียงเบา ไม่ถือตัว
เซี่ยงไฮ้ หรูหรา โอ้อวด และหยิ่ง ฯลฯ เป็นต้น

แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ คนจีนมองประเทศไทยและคนไทยดีมาก คนจีนมองคนไทยเป็นเหมือนญาติ เหมือนเพื่อนสนิท ไม่มีพิษมีภัย คนไทยมีนิสัยน่ารัก ใจดี และประเทศไทยเป็นประเทศที่เจริญแล้ว เทียบชั้นยุโรป ในสายตาคนจีน

คำว่า ประเทศไทย ในภาษาจีน คือ 泰国 อ่านว่า ไท่กั๋ว
ไท่ (泰)เป็นคำมงคล หมายถึง รุ่งเรือง ร่ำรวย ดีงาม
กั๋ว (国) หมายถึง ประเทศ
ประเทศไทยจึงมีชื่อเรียกที่ดีมากในแง่ภาษาและวัฒนธรรมจีน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยในประเทศจีนได้เป็นอย่างดี

ภาพยนต์ไทย ละครไทย ฮิตกันทั่วประเทศจีน ร้านขายของที่ระลึกไทย ร้านให้เช่าพระเครื่องไทย ผลไม้ไทย ฯลฯ มีอยู่ดาษดื่น

ข้าวหอมมะลิไทย คือ ข้าวที่ดีที่สุดในโลกในความรู้สึกของคนจีน
ร้านค้าออนไลน์บน Taobao.com ยังมีขายแม้กระทั่งบัตรโทรศัพท์ไทย สำหรับคนจีนที่จะไปเที่ยวประเทศไทย

ในอีกด้านหนึ่ง คนจีนมีลักษณะที่คล้ายๆ คนไทย คือ คนจีนมักรู้สึกน้อยใจและโกรธเมื่อถูกเหยียดหยามเชื้อชาติ ซึ่งหากเกิดเป็นกระแสขึ้นมาแล้วก็จะลุกลาม และขยายใหญ่โตรุนแรงอย่างรวดเร็วมาก

เนื่องจากจีนเป็นประเทศใหญ่ มีประชากรมหาศาล และมีชาตินิยมรุนแรง กรณีดังกล่าวจึงมักบานปลายจนเกินคาดคิด ถึงขั้นรัฐบาลจีนต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อดับกระแสอยู่บ่อยครั้ง

หลายปีก่อน คนจีนเคยน้อยใจประเทศฝรั่งเศส เพราะประธานาธิบดีฝรั่งเศสพูดจาดูถูกประเทศจีน เท่านั้นก็ทำให้เกิดกระแสต่อต้านฝรั่งเศส สินค้าฝรั่งเศสขายไม่ออก รถยนต์ยี่ห้อซีตรองซึ่งมีภาพลักษณ์เป็นรถยนต์หรูหรา กลับกลายเป็นรถยนต์ที่น่ารังเกียจเพียงแค่ข้ามคืน (จนถึงปัจจุบัน)

กล้วยหอมซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของฟิลิปปินส์นั้นหายไปจากตลาดจีน ทำให้กระทบกระเทือนเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ เนื่องจากคนจีนไม่ยอมซื้อ เพราะกรณีพิพาททะเลจีนใต้ และประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ปากไว วิจารณ์ประเทศจีนแรงไปสักนิด

ห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นในหลาย ๆ เมืองถูกทุบทำลาย รถยนต์ญี่ปุ่นนับพันคันทั่วประเทศถูกไล่ทุบไล่ตีกลางถนน สินค้าญี่ปุ่นถูกกระชากออกจากมือผู้ใช้แล้วทุ่มลงพื้น ฯลฯ เพราะกระแสเกลียดชังญี่ปุ่นที่เคยขึ้นเป็นครั้ง ๆ

แต่ทั้งหมดนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นกับคนไทย ไม่เคยเกิดขึ้นกับสินค้าไทย และไม่เคยเกิดขึ้นกับภาพลักษณ์ประเทศไทย หากคนไทยไปไหนมาไหนในประเทศจีนก็มักจะได้รับการต้อนรับขับสู้ด้วยรอยยิ้มเป็นอย่างดี คนจีนกุลีกุจอให้คำแนะนำช่วยเหลือ พูดจาโอบอ้อมอารี มีน้ำใจและรอยยิ้มให้คนไทยอยู่เป็นประจำ

กระทั่งเร็วๆ นี้ กระแสผิดหวังและน้อยใจคนไทยเริ่มเกิดขึ้นในประเทศจีน เนื่องจากกระแสข่าวของสื่อมวลชน และโซเชียลมีเดียในประเทศไทย ซึ่งด่าเหยียดหยามประนามนักท่องเที่ยวจีนอย่างรุนแรง ทำให้ขณะนี้เริ่มกลายเป็นกระแสต่อต้านประเทศไทยและคนไทยขึ้นในประเทศจีน

สื่อมวลชนจีนเริ่มตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนจีนและคนไทย ในลักษณะการให้เกียรติทางชาติพันธุ์และศักดิ์ศรีของประเทศ และเริ่มนำเสนอมุมมองในด้านไม่ดีของประเทศไทยมาเผยแพร่ทางโทรทัศน์และสื่อต่าง ๆ แทนที่แต่เดิมนั้นแทบไม่เคยปรากฎด้านไม่ดีของประเทศไทยทางสื่อมวลชนจีนแม้แต่นิดเดียว
สิ่งที่เกิดขึ้นนับว่าน่าเป็นห่วง เพราะอาจลุกลามบานปลายไปถึงเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความร่วมมือระหว่างประเทศ

ในแต่ละประเทศ ในแต่ละเชื้อชาติ ย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกัน ย่อมมีทั้งผู้มีมารยาทสังคมดีและไม่ดี ไม่ต่างกัน ไม่ว่าเชื้อชาติใด

อีกทั้ง โลกในปัจจุบันนั้นมีการสื่อสารที่ไร้พรมแดน และภาษาไม่ใช่อุปสรรคเสมอไป เรื่องราวใดเกิดขึ้นในประเทศไทยก็อาจได้ยินถึงอีกประเทศหนึ่ง โดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที

การดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติในลักษณะเหมารวม นอกจากไม่สมเหตุสมผลแล้วยังอาจทำให้เกิดเรื่องราวบานปลายใหญ่โตอย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ทำให้เกิดความเสียหายในระยะยาว ซึ่งยากต่อการแก้ไข และไม่เป็นผลดีกับใคร

Noppanan Arunvongse Na Ayudhaya
27/3/58


ที่มา FB
Addie P. Hirunkate