วันอาทิตย์, มกราคม 24, 2559

บ้านประชารัฐ แค่โครงการนำร่องก็ทำท่าจะเจ๊งซะแล้ว




ดร.โสภณ ฟันธง โครงการประชารัฐ สร้างบ้านคนจน จะตกม้าตายไม่ได้ผล เจ๊งแน่นอน!

ข่าว "คลังถกดีเวลอปเปอร์เคาะบ้านคนจน20มกราฯ" (ประชาชาติธุรกิจ 22มกราคม 2559) ความว่ากรมธนารักษ์เปิดเผยแผนเบื้องต้นสำหรับดำเนินโครงการนำร่อง "บ้านประชารัฐ" ว่าได้เล็งนำร่องปี 2559 นี้ 5 แปลง รวม 3,000 ยูนิตทำเลในกรุงเทพมหานคร ชะอำ และเชียงใหม่ โดยตั้งราคาขายห้องชุดไม่เกิน 700,000 บาท ส่วนทาวน์เฮาส์ไม่เกิน 900,000 บาท ทั้งนี้ในกรุงเทพมหานครจะสร้างอาคารชุด ส่วนชะอำ 30 ไร่ จะสร้างเป็นทาวเฮาส์ เชียงใหม่ (พื้นที่ 9 ไร่ สร้างได้ทั้งอาคารชุดและทาวน์เฮ้าส์)

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ให้ความเห็นว่าโครงการนี้ไม่น่าประสบความสำเร็จ รัฐบาลน่าจะไปทำอย่างอื่นเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีกว่านี้

1. ในปี 2559 นี้รัฐบาลจะสร้างในโครงการนำร่องเพียง 3,000 หน่วยหรือเท่ากับ1.5% ของอุปทานที่อยู่อาศัยของบริษัทพัฒนาที่ดินในตลาดเปิดทั่วประเทศ ดังนั้นจึงย่อมไม่มีผลใด ๆ ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคเอกชนสามารถสร้างที่อยู่อาศัยได้เองอยู่แล้วโดยรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว

2. ในกรณีกรุงเทพมหานคร รัฐบาลคงจะสร้างประมาณ 1,000 หน่วย ๆ ละ700,000 บาท สำหรับขนาด 22 ตารางเมตร อย่างไรก็ตาม ราคาขายในท้องตลาดคงเป็นเงินหน่วยละ 2.2 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับขาดทุน 1,500 ล้านบาท เพื่อคน (อ้างว่า) จน เพียง1,000 รายที่โชคดี นับเป็นการสร้างความไม่เท่าเทียมกันในหมู่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง หรือทั่วประเทศก็คงสร้างได้เพียง 3,000 หน่วย (ราย) เท่านั้น ยิ่งหากพิจารณาว่าถ้าสร้าง3,000 หน่วย แล้วขาดทุนเฉลี่ยหน่วยละ 1 ล้านบาท ก็คงเป็นเงินถึง 3,000 ล้านบาท เงินจำนวนนี้สามารถนำไปสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาให้ประชาชนใช้อย่างยั่งยืนได้เลย

3. ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีชาวบ้านร้องเรียนว่าบ้านแพงเกินไป ไม่สามารถซื้อบ้านได้ในตลาดเปิดทั่วไป หรือไม่มีผู้ร้องเรียนเรื่องค่าเช่าบ้านแพงจนอยู่หรือรับไม่ไหวแต่อย่างใด การที่รัฐบาลยื่นมือเข้ามาจึงไม่ได้เป็นประโยชน์ใด ๆ ต่อส่วนรวม ควรเอาเวลาและทรัพยากรต่าง ๆ ไปทุ่มเทพัฒนาเศรษฐกิจทางด้านอื่นเพื่อประเทศชาติและประชาชน จะคุ้มค่ากว่า

4. การจะคิดสร้างบ้านจำนวนมาก ๆ คงจะได้ประโยชน์แก่ผู้รับเหมา บริษัทวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ เช่น บริษัทปูน บริษัทเหล็กมากกว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป

5. ยิ่งการก่อสร้างในต่างจังหวัด โดยเฉพาะชะอำซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีความต้องการที่อยู่อาศัยจำกัดมาก ขืนรัฐบาลไปสร้างเพียงเพราะมีที่ดินก็ย่อมต้องเจ๊งแน่นอน แม้แต่ในเชียงใหม่ ที่ในขณะนี้มีที่อยู่อาศัยเหลืออยู่มาก ก็ยิ่งไม่เหมาะสมไปใหญ่ จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส พบว่าในปี 2557 มีการเปิดตัวโครงการใหม่คึกคักถึง 50 แห่ง แต่ในปี2558 กลับมีเปิดตัวใหม่เพียงไม่ถึง 10 โครงการ อุปสงค์ลดลงขนาดนี้ ขืนไปสร้างตามใจ ก็คงเจ๊งแน่นอน

6. ในอีกด้านหนึ่งทีมงานเศรษฐกิจของรัฐบาลที่นำโดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คงหวังจะสร้างผลงาน เพื่อจะได้ไม่ถูกปลดออกไปเช่นรองนายกฯ ท่านก่อน แต่การสร้างผลงานบนพื้นฐานที่ไม่เป็นจริง ไม่จำเป็น แม้จะสร้างได้เป็นรูปธรรม ก็เป็นผลงานที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน และเปลืองทรัพยากรชาติเพียงเพื่อกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ "ผักชีโรยหน้า" เท่านั้น

รัฐบาลประยุทธ์ จึงไม่ควรสร้างบ้านคนจน หรือบ้านประชารัฐนี้ เพราะไม่อาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจใด ๆ ได้ สร้างความเหลื่อมล้ำแก่ประชาชน ช่วยผู้รับเหมา บริษัทเหล็ก บริษัทปูน มากกว่าจะช่วยประชาชนทั่วไป และอาจเจ๊งเพราะไม่ได้สร้างเพราะมีความต้องการ แต่สร้างเพราะมีที่ดินในมือ!?!


ที่มา ถ้อยแถลงของ ดร.โสภณ พรโชคชัย 
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย