วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 29, 2558

ทูตสหรัฐฯ สงสัย ถาม′วิษณุ′ สูตรพิสดาร 6+4,6+4 มาจากไหน (วิษณุ ได้บอกทูตป่ะว่า ถ้ายังวุ่นวาย อาจไม่เลือกตั้ง 60 หุหุ)




ทูตสหรัฐฯ สงสัย ถาม′วิษณุ′ สูตรพิสดาร 6+4,6+4 มาจากไหน

ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

27 ต.ค. - นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับ นายเกล็น ทาวน์เซนด์ เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง โดยนายกลิน ที เดวีส์ กล่าวภายหลังการพูดคุย ว่า เป็นการพบปะที่ดีและมีการพูดคุยในหลายเรื่องเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงความร่วมมือในหลายมิติในเชิงสร้างสรรค์ อาทิ ด้านสาธารณสุข การบังคับใช้กฏหมาย ธุรกิจระหว่างของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ อีกทั้งยังมีการพูดคุยเกี่ยวกับพัฒนาการการไทยเพื่อกลับมาสู่ประชาธิปไตยในเร็วๆนี้ พร้อมทั้งระบุว่า หากมีโอกาสตนจะพูดคุยกับสื่อมวลชนไทยมากกว่านี้ และยังไม่มีการพูดคุยถึงโรดแมปอย่างเป็นทางการ

ขณะที่นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นการเข้าพบตามปกติหลังเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และจะมีการพบกับนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐตรีอีก2วัน ส่วนการชี้แจงโรดแมปคสช.นั้น ตนได้ชี้แจงเช่นเดียวกับทูตแต่ละประเทศที่เคยเข้าพบแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ความเข้าใจดี แต่ นายเกล็น ทาวน์เซนด์ เดวีส์ได้สอบถามถึงสูตรพิสดาร 6+4,6+4 มาจากไหน ซึ่งตนได้ใช้โอกาสนี้ชี้แจงว่า โรดแมปจะอยู่ภายในระยะเวลา 20 เดือน และจะมีการเลือกตั้งภายในเดือนพฤษภาคม2560

ทั้งนี้นายวิษณุ เปิดเผยถึงบรรยากาศในการพูดคุยว่าเป็นไปด้วยดีและทูตสหรัฐฯมีการทำการบ้านมาอย่างดีก่อนที่เข้ามาทำงายในประเทศไทยรู้จักและพูดภาษาไทยได้ และมีอารมย์ขัน พร้อมทั้งในการพูดคุยยังมีการกระชับความสัมพันธ์ในการร่วมมือในโครงการต่างๆร่วมกัน อาทิ การปราบปรามการค้ามนุษย์ การต่อต้านยาเสพติด เป็นต้น ซึ่งหากมีการสงสัยในข้อกฏหมายตนพร้อมที่จะชี้แจงข้อมูล

ooo



เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตเดวีส์และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีได้พบปะหารือถึงความร่วมมือที่เข้มแข็งและยาวนานระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศไทยด้านการบังคับใช้กฎหมาย ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีวิษณุได้สรุปให้เอกอัครราชทูตเดวีส์ทราบถึงการดำเนินการของรัฐบาลเกี่ยวกับความพยายามในการปฏิรูปประเทศ กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญและแผนที่เส้นทางคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้ง เอกอัครราชทูตเดวีส์ย้ำว่า สหรัฐอเมริกายังคงสนับสนุนให้มีการอภิปรายสาธารณะในประเด็นเหล่านี้อย่างเปิดกว้างและจริงจังอันจะช่วยนำไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนและสามารถคงอยู่ได้อย่างเข้มแข็งแม้จะเผชิญสิ่งท้าทายต่างๆ

On October 27, Ambassador Davies and Deputy Prime Minister Wissanu discussed the long-standing and strong cooperation between the United States and Thailand on law enforcement issues. The Deputy Prime Minister briefed the Ambassador on the government’s reform efforts, constitution drafting process, and roadmap to return to electoral democracy. The Ambassador underscored continued U.S. support for a robust and open public debate on these issues, which will help produce a resilient, sustainable democracy.

ooo

ประชุมแม่น้ำ5สาย ประยุทธ์ขู่หากไม่สงบต้องอยู่ต่อ ปิดประเทศก็จะทำ ขอก้าวข้ามกับดักปชต.


Wed, 2015-10-28 20:52
ที่มา ประชาไท



28 ต.ค.2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประชุมร่วมกับ คสช. คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และหัวหน้าส่วนราชการ ที่อาคารรัฐสภา โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม






ที่มา ศูนย์สื่อทำเนียบ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวมอบนโยบาย ต่อที่ประชุมแม่น้ำ 5 สายว่า ขอความร่วมมือทุกฝ่ายโดยเฉพาะตัวแทนจากพรรคการเมืองเป็นหนึ่งเดียวมีความเป็นเอกภาพ เดินหน้าสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ร่วมกันทำให้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประเทศปลอดภัย มั่นคง ประชาชนมีความสุข ทุกคนต้องร่วมกันเพื่อให้ประเทศมีอนาคตที่ดี ยั่งยืน ให้ไทยยืนหยัดในเวทีโลกได้ ไม่มีปัญหาใดที่แก้ไขไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีความขัดแย้งกันในเรื่องของประชาธิปไตย ทำไมวันนี้ต้องมาทะเลาะกันในเรื่องเดิมอีก ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหาเดิมและต้องไม่สร้างปัญหาใหม่ และต้องก้าวข้ามกับดักประชาธิปไตยไปให้ได้ ต้องไม่บิดเบือนหลักการประชาธิปไตย และต้องยอมรับกติกา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีก ตนไม่ได้ต้องการเข้ามาสืบทอดอำนาจ ตามที่มีกลุ่มคนกล่าวหา และขอให้ทุกคนกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ตนเอง ไม่ใช่หนีคดี และไปกล่าวหาประเทศไทยอยู่ที่ต่างประเทศ

“ประเทศเราเหมือนมีแม่น้ำประชาธิปไตยขวางอยู่ และทุกคนพยายามข้ามแม่น้ำอยู่วันนี้ คสช. รัฐบาล สปท. กรธ. เป็นสะพานข้ามแม่น้ำสายนี้ ข้ามความขัดแย้งไปให้ได้ บางคนพร้อมข้ามไปด้วยกัน บางคนชอบแต่ลุยน้ำ บางคนก็จะว่าย มันก็ตายอยู่ข้างล่างนั่นแหละ ต้องเอาทุกคนมาขึ้นสะพานให้ได้ ข้ามความขัดแย้งให้ได้ วันนี้จะต้องไม่ให้ความขัดแย้งเกิดขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะเดินหน้าปราบปรามและไม่ปล่อยให้มีการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งทุกคดีที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องได้ยึดตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนการใช้อำนาจตามมาตรา44 นั้น เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่เคยคิดใช้รังแกใคร ขอเตือนผู้ที่ออกมาสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายว่าอย่ากระทำผิดกฎหมาย อย่าเพิ่งออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย วันนี้ตนถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์อยู่ เริ่มมีคนไม่กลัวอีกแล้ว ออกมาแถลงข่าวทั้งที่ยังมีคดี ขอให้ระวังตัว อย่าทำอีก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปกป้องสถาบัน และไม่ควรนำสถาบันเข้ามายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง แต่ยังมีคนกล่าวว่าพระองค์ท่าน ซึ่งตนไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องนำพระองค์ท่านมายุ่งเกี่ยว ทั้งฝ่ายคนดีและคนไม่ดี ก็นำสถาบันมาต่อสู้ให้ร้ายกัน และพระองค์ท่านทรงอยู่เหนือความขัดแย้ง อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่เคยสั่งให้เขียนอย่างนั้นอย่างนี้ และสิ่งที่เกิดขั้นช่วงการชุมนุมที่ผ่านมา พระองค์ไม่ได้สั่ง แต่ทรงทราบทั้งหมด ทำไมรอบนี้พระองค์ไม่ลงมาให้ยุติเรื่อง เพราะเหตุการณ์ปัจจุบันไม่เหมือนกับเหตุการณ์ เมื่อ 14 ตุลา 2516 ที่การชุมนุมมีฝ่ายทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง พระองค์ต้องบอกให้ทหารเลิก เมื่อเลิกแล้วก็จะหยุด

“วันนี้ยังไม่เลิก ผมขอร้องหากยังไม่เลิก พวกผมยอมไม่ได้ ที่ผ่านมามีคนทำผิด และได้รับพระราชทานอภัยโทษ หลายคนพ้นโทษแล้ว ก็กลับมาทำอีก ผมเชื่อว่าคนพวกนี้ไม่ตายดี ไม่ป่วยก็เจ็บ ไม่มีใครอยู่ดี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีคนโจมตีพระองค์ท่าน โดยเฉพาะในเว็บไซด์ต่าง ๆ จึงเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ต้องมีมาตรา 112 ในประเทศไทย ซึ่งในต่างประเทศ คงไม่นึกว่าจะมีอย่างนี้ ต่างชาติเขามองด้วยมุมความเจริญ ประชาชนมีการศึกษา มีรายได้

“แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ผมเรียกมาปรับทัศนคติ ก็มีคนบอกว่าทำผิด ดังนั้นหากพบคนผิด ก็ไม่ต้องเรียกตัวอีก จับติดคุกไปเลยดีหรือไม่ ส่วนที่เรียกมาปรับทัศนคติ แล้วบอกว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน แล้วปล่อยให้เป็นพ่อหรือไง แบบนี้บ้านเมืองเสียหายกันหมด พูดเรื่องนี้ไม่ได้ โมโห” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝากให้ สนช.และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ประสานการทำงานร่วมกันเพื่อให้การขับเคลื่อนประเทศและการขับเคลื่อนการปฏิรูป 11 ด้าน สอดคล้องไปด้วยกัน ไม่ใช่การต่างคนต่างคิด ต้องหาแนวทางว่าจะบูรณาการกันอย่างไร และอยากให้แม่น้ำ 5 สายร่วมกันคิด ร่วมกันทำ เตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งที่ดี และยุติธรรมที่สุด

“ฝ่ายการเมืองไม่ต้องระแวง ผมไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ แต่หากประเทศยังไม่สงบเรียบร้อย ผมก็ยังต้องอยู่ทำหน้าที่ต่อไป หากจะต้องปิดประเทศก็ต้องทำ ที่พูดไม่ได้เป็นการท้าทาย หากจะเอาประชาชนออกมาคนที่พูดมาก ๆ หรือคนที่เป็นแกนนำจะโดนก่อน เพราะผมมีอำนาจอยู่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงสุดท้ายที่นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณสมาขิกที่มาร่วมประชุมในวันนี้ ได้มีการขึ้นข้อความผ่านหน้าจอภายในห้องประชุมรัฐสภา ว่า ฝากความหวังกับแม่น้ำ 4 สาย (กรธ. สนช. สปท. รบ.) ที่จะเป็นผู้ร่วมสร้างประวัติศาสตร์นำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง ต่อไป

จากนั้น นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. กล่าวว่า สำหรับคำถามของสมาชิกทั้ง 4 คนที่จะสอบถามนายกรัฐมนตรีนั้น นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงหมดแล้ว จึงได้กล่าวปิดประชุมในเวลา 11.52 น. ใช้เวลาการประชุม ทั้งสิ้น 2.21 ชั่วโมง

ที่มา : สำนักข่าวไทย

...


ooo

"บิ๊กตู่"เตรียมพบทูตสหรัฐฯ ถามนักข่าวเป็นเมืองขึ้นหรือ? ให้ความสำคัญทำไมนักหนา



ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 27 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวภายหลังการประชุมครม. ถึง การเข้าเยี่ยมคารวะของนายเกล็น ทาวน์เซนด์ เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยที่วันเดียวกันนี้ นายเดวีส์ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่า เขาก็ต้องเข้าพบรองนายกรัฐมนตรีทุกคน รัฐมนตรีอีกหลายคน เป็นหลักปฏิบัติปกติ เขาต้องไปพบคนอื่นก่อน ค่อยนัดเข้าพบนายกรัฐมนตรี ไม่อยากพบก็อย่าพบ ก่อนหน้านี้นายเดวีส์ก็ขอเข้าพบ เพียงแต่เวลาว่างไม่ตรงกัน จึงไปเข้าพบรองนายกรัฐมนตรีก่อน ก็ถือว่าดี จะได้ช่วยกันอธิบาย ตนพูดคนเดียวอาจจะไม่ฟังก็ได้ ทูตเขามาก็เป็นตัวแทนของประเทศเขา ก็ให้เกียรติกัน

“ทำไมหรือ จะพบไม่พบ มันจะสำคัญอะไรนักหนา ทำไม เป็นเมืองขึ้นเขาหรืออย่างไร ปัดโธ่ ให้ความสำคัญทุกประเทศ ทำไมต้องไปแคร์นักหนา ทำไมคุณไม่ให้เกียรติผมบ้างละ เวลาคนเขามาค้าขายกับผมตั้งกี่ประเทศ ไม่เห็นพูดเลย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับผู้สื่อข่าว

เมื่อถามว่า เห็นในหมายงานว่า เป็นวันที่ 29 ตุลาคม ในช่วงบ่าย ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ไม่รู้ละ ผมไม่เคยจำ วันหนึ่งผมยังไม่รู้เลยทำอะไรบ้าง ต้องคอยถามวันนี้มีอะไรบ้าง จำไม่ได้ จะจำทำไม ไม่อย่างนั้นจะตั้งคนมาทำไมเยอะแยะ เลขาก็มี ทส.ก็มี รปภ.ก็มี ส่วนใหญ่ถามไปตอบไม่ได้กันอยู่แล้ว”

เมื่อถามว่ากังวลในสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ตอนนี้หรือไม่ เนื่องจากสหรัฐฯได้ส่งเรือรบเข้าประชิดเกาะเทียมของจีนในทะเลจีนใต้แล้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ห่วง ประเทศไทยไม่อยู่ในความขัดแย้งตรงนั้น เราต้องวางตัวให้ถูก เราไม่ใช่ศัตรูใครทั้งสิ้น อย่าเอาเราเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องที่เราไม่ได้ไปขัดแย้งกับเขา แต่เราต้องสนับสนุนเขา ที่ผ่านมารัฐบาลก็มีหน้าที่ในการผลักดันเรื่องผู้ประสานงานทะเลจีนใต้ก็ทำออกมาจนมันผ่านมานับปีแล้ว วันนี้ส่งให้สิงคโปร์ไปทำอยู่ ทำอย่างไรก็ได้ให้ไม่เกิดความขัดแย้ง เกิดความร่วมมือในทะเลจีนใต้ จึงไม่เกิดความรุนแรง นี่แหละผลงานที่เราทำปีที่แล้ว ปีนี้สิงคโปร์ก็รับไปต่อว่ามีความก้าวหน้าหรือไม่ จะไปยุ่งอะไรกับเขาเล่า จะเอาเรือรบไปช่วยเขาหรืออย่างไร เรือเราก็ไม่มี เขามีทั้งเรือดำน้ำ เรือบรรทุกเครื่องบิน