วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 18, 2558

ประชาธิปไตยหลับยาววววววว ซึ่งในด้านกลับกันก็แปลว่ารัฐประหารหาทางลงไม่ได้ๆๆๆๆๆๆๆ


ภาพจากเดลินิวส์

ประชาธิปไตยหลับยาววววววว ซึ่งในด้านกลับกันก็แปลว่ารัฐประหารหาทางลงไม่ได้ๆๆๆๆๆๆๆ

อุดมคติของกองทัพ ไม่สามารถรัฐประหารแล้วถอย ต้องเป็นเสาค้ำความมั่นคงของชาติ ไม่สามารถร่างรัฐธรรมนูญแล้วกลับสู่เลือกตั้ง ต้องอยู่นานไม่รู้กำหนด

อาศัยว่าได้สลิ่มเชียร์ ไม่อยากกลับสู่เลือกตั้ง ฝากความหวังกับประยุด (ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าประยุดมีเครดิต) แต่นั่นก็คือบันได ที่ทอดให้ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ (ลงยากขึ้นทุกวัน)

คิดแล้วมันน่าสนุก เพราะจะเละตุ้มเป๊ะแค่ไหนก็ลงไม่ได้ ขณะที่เศรษฐกิจก็สลบยาว ชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว บางเรื่องไม่โทษรัฐบาลหรอก แต่การที่คนพูดไม่ได้แสดงออกไม่ได้ มันทำให้ยิ่งอึดอัดคับข้อง ขณะที่คนชั้นกลางคนชั้นบนก็จะบอกว่าแย่แค่ไหนยังดีกว่าเลือกตั้งแล้วนักการเมืองโกงกลับมาหรือนักการเมืองรบรากัน

Atukkit Sawangsuk


ooo



ประชาธิปไตยหลับยาว ทายท้าวิชามาร


2015-06-17
ที่มา ข่าวหุ้นธุรกิจ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดถูกว่าไม่มีรัฐประหารซ้อน ใครจะทำ ใครจะอยากแบก “ความรับผิดชอบ”

รัฐประหารดูเหมือนมีอำนาจล้นหลาม บงการทั้งประเทศ แต่ความจริงเป็น “ทุกขลาภ” ทำแล้วติดกับ หาทางกลับไม่ได้ มีแต่ต้องใช้อำนาจมากขึ้นทุกที ทั้งใช้มาตรา 44 เอาใจสังคม ปราบเด็กแว้น ปราบลอตเตอรี่แพง (ปราบจนขายไม่ออก) ใช้มาตรา 44 ป้องปรามคนต่อต้าน สวนทางโรดแม็พที่จะต้องคลายอำนาจ กลับสู่ประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง

ผมเชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ว่าท่านไม่อยากเป็นไม่อยากอยู่ แต่อุดมคติของการรัฐประหารบังคับให้อยู่ อุดมคติของกองทัพที่ฝังลึกว่าเป็นเสาค้ำความมั่นคงของชาติ ทำให้ไม่สามารถคลายอำนาจได้ในระยะเวลาสั้นๆ

ขณะเดียวกัน ความมืดบอดของสังคม โดยเฉพาะคนชั้นกลางในเมือง คนระดับบน ที่เกลียดชังนักการเมืองจนปฏิเสธการเลือกตั้ง “อยู่กันไปอย่างนี้ไม่วุ่นวายดี” ก็สร้างฐานความชอบธรรมให้ คสช.อยู่ต่อไปเรื่อยๆ ภายใต้ความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าคณะรัฐประหารภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ผู้สัตย์ซื่อจริงใจ (ถ้าไม่จริงใจก็คงไม่หงุดหงิด) จะสามารถปฏิรูปครั้งใหญ่วางรากฐานประเทศไทย

ทั้งที่ถ้ามองให้พ้นตัวบุคคล คุณเชื่อหรือว่ารัฐราชการใต้ระบบอุปถัมภ์จะปฏิรูปประเทศได้ รัฐราชการน่ะหรือจะปฏิรูปประชาธิปไตย ซึ่งเชื่อในการมีส่วนร่วมของประชาชน มากกว่าการใช้อำนาจกำกับควบคุมโดยรัฐ

แน่นอน นักการเมืองไม่ใช่ตัวดี เป็นจุดอัปลักษณ์ของระบบเลือกตั้ง แต่สิทธิเลือกตั้งเป็นพื้นฐานรองรับเสรีภาพในการแสดงออกทุกอย่าง ทั้งสะท้อนความเรียกร้องต้องการและแสดงความคิดเห็นต่อการแก้ไขปัญหา ถ้าโลกนี้ปกครองได้ด้วยศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ชาวโลกก็คงไม่ต้องเรียกร้องประชาธิปไตย

ไม่มีเลือกตั้งไม่เป็นไร แต่ไม่สามารถเรียกร้อง ไม่สามารถสะท้อนออก ฝนแล้ง ค่าครองชีพแพง พืชผลราคาตก ฯลฯ แน่ละ โทษรัฐบาลนี้ไม่ได้ แต่เวลาผ่านไปๆ ความอึดอึดข้องคับจะทับถม

อ๊ะอ๊ะ พูดอย่างนี้ไม่ใช่ปลุกระดมให้ล้ม คสช. ตรงกันข้ามผมจะบอกว่า คสช.จะอยู่ยง ไม่ว่าปัญหาทับถมเพียงไร เพราะกระแสสังคมยังไงๆ ก็เห็นว่าการเลือกตั้งเลวร้าย อยู่กันไปอย่างนี้ ยังไงๆ ก็ดีกว่าวุ่นวาย ต่อให้เศรษฐกิจติดลบ แต่มีเลือกตั้งแล้วนักการเมืองรบกัน ก็อาจจะลบกว่า

คาถานี้จำให้ขึ้นใจ เพราะคุณจะต้องท่องไปท่องมา ไม่ว่าแย่แค่ไหน ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น

คสช.จึงมั่นใจ แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว 7 ประเด็น ยุบ สปช.ดีเด่นดัง และพร้อมจะยุบ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ถึงแม้เป็นการทำลายแนวร่วมตัวเอง ซึ่งได้แก่พวกอยากปฏิรูปจนไม่เอาเลือกตั้ง พวกประชาสังคมนกหวีด ที่เป็น “นั่งร้าน” ไล่รัฐบาลที่แล้ว

ถึงแม้รู้ว่าจะเกิดแรงกระเพื่อม ในช่วง 3 เดือนถัดจากนี้ แต่ทำไงได้ ในเมื่อต้องยึดอุดมคติของการรัฐประหาร ขณะเดียวกันก็เชื่อมั่นในคะแนนนิยม “ลุงตู่กูลิโกะ” ยิ่งกว่านั้นคือเชื่อมั่นว่าตราบใดที่กระแสสังคมยังเกลียดกลัวการเลือกตั้ง คสช.ก็มั่นคง

ฐานความมั่นคงของ คสช.ข้อสำคัญไม่ใช่อำนาจอาวุธเช่นรัฐประหารทั่วไป แต่เป็นความมืดบอด “ไม่เอาเลือกตั้ง” ของคนชั้นกลางในเมือง ที่เสียงดังกว่าเพื่อน และเดือดร้อนน้อยกว่าใคร ซึ่งถ้าดูกระแสที่ดำรงอยู่ ต่อให้น้ำท่วมมิดจมูกก็ยังยืนกรานว่าการเลือกตั้งเลวร้าย

ฉะนั้น คสช.ยังอยู่ได้อีกนาน ตราบใดที่บอกว่า “จำเป็น” เพียงแต่ในทางกลับกัน ก็คือการต่อบันไดสูงจากทางลงขึ้นไปเรื่อยๆ

ใบตองแห้ง